"เจมส์ ฮาวเวลส์" ตำนานขุดหลุมขยะหาฮาร์ดไดรฟ์บิทคอยน์ แพ้อุทธรณ์ศาล ลั่น!พร้อมสู้ต่อในศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป

เจมส์ ฮาวเวลส์ ชายชาวอังกฤษที่เคยเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกหลังจากที่เขาทิ้งฮาร์ดไดรฟ์ซึ่งบรรจุคีย์ส่วนตัวของบิทคอยน์จำนวน 8,000 เหรียญไปพร้อมกับอุปกรณ์สำนักงานที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งในขณะนั้นราคาบิทคอยน์ยังไม่มีมูลค่าสูงเหมือนทุกวันนี้ และอุปกรณ์สำนักงานที่ถูกทิ้งถูกนำมากำจัดในหลุมฝังกลบ ล่าสุด ฮาวเวลส์ได้รับข่าวร้ายเมื่อศาลอุทธรณ์อังกฤษปฏิเสธคำร้องของเขาอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไปด้วยการฟ้องร้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR) โดยกล่าวว่าสิทธิในทรัพย์สินของเขาถูกละเมิด

ศาลอังกฤษย้ำ “การสู่ที่ไม่มีทางชนะ”

เจมส์ ฮาวเวลส์ ชายผู้เคยเป็นหนึ่งในนักขุดบิทคอยน์ยุคแรก ๆ ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์แห่งอังกฤษ เพื่อขอใบอนุญาตขุดค้นหลุมฝังกลบเมืองนิวพอร์ต หวังนำฮาร์ดไดรฟ์ที่มีคีย์ส่วนตัวของบิทคอยน์มูลค่าราว 660 ล้านดอลลาร์ ณ มูลค่าราคาซื้อขายปัจจุบัน กลับคืนมา แต่ศาลอุทธรณ์กลับปฏิเสธคำร้องดังกล่าวโดยสิ้นเชิง


ตามเอกสารที่ยื่นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเปิดเผยกับทาง Cointelegraph โดยทางศาลระบุว่า “ไม่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้จริง” และ “ไม่มีเหตุผลอันสมควรอื่นใด” ที่จะต้องพิจารณาคำร้องของฮาวเวลส์

ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาศาลสูงแอนดรูว์ ไคเซอร์ ก็ได้ยกฟ้องคำร้องในเดือนมกราคม โดยให้เหตุผลเดียวกันว่า “ไม่มีแนวโน้มที่สมจริง” ที่ฮาวเวลส์จะสามารถชนะคดีนี้ได้


ฮาวเวลส์ เตรียมสู้ต่อที่ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป

หลังจากถูกปฏิเสธจากศาลอังกฤษ ฮาวเวลส์ประกาศว่า “ทางเลือกทางกฎหมายสุดท้าย” ของเขาคือการยื่นคำร้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR) โดยเขาอ้างว่าสิทธิในทรัพย์สินของเขาถูกละเมิด และกระบวนการพิจารณาคดีของศาลอังกฤษไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 1 ของพิธีสาร 1 และมาตรา 6 ของ ECHR

“สถาบันอังกฤษต้องการเพียงซุกเรื่องนี้ไว้ใต้พรม และผมจะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนั้น มันจะไม่หายไป ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม!” ฮาวเวลส์ย้ำในแถลงการณ์

แม้ว่า ECHR จะไม่มีอำนาจยกเลิกคำตัดสินของศาลอังกฤษ แต่หากฮาวเวลส์ชนะคดี ก็อาจทำให้ศาลอังกฤษต้องพิจารณาทบทวนการตีความกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนของยุโรป


นับเวลาถอยหลัง....หลุมฝังกลบกำลังจะปิดตัวลง

ฮาวเวลส์ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเวลา เนื่องจากมีรายงานว่าหลุมฝังกลบ Docksway ซึ่งเป็นที่ฝังฮาร์ดไดรฟ์ของเขาจะถูกปิดตัวลงภายในปีงบประมาณ 2568 - 2569 ของสหราชอาณาจักร หากเป็นเช่นนั้น โอกาสในการค้นหาฮาร์ดไดรฟ์ของเขาอาจหมดไปโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าบิทคอยน์ที่ยังไม่มีมูลค่าสูงนักเมื่อปี 2556 แต่กรณีของฮาวเวลส์สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเก็บรักษากุญแจส่วนตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลให้ปลอดภัย เพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจหมายถึงการสูญเสียทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลตลอดกาล