สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหบลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีมาตลอด ถึงการทำงานที่ล่าช้า โดยเฉพาะการสอบสวนดำเนินคดีการสร้างราคาหุ้นหรือปั่นหุ้น ซึ่งใช้เวลาระหว่าง 5-10 ปี แต่ปัจจุบัน ดูเหมือนว่า กระบวนการดำเนินคดีปั่นหุ้น จะมีการปฏิรูปใหม่แล้ว
เพราะการร้องทุกข์กล่าวโทษ คดีปั่นหุ้นล่าสุด ก.ล.ต. สรุปสำนวนการสอบสวน รวบรวมหลักฐานได้รวดเร็วมาก และภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี นับจากการกระทำความผิด ก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ กล่าวโทษนายจักรชัย สกุลเอกไพศาล ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นของ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PK
หุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT และหุ้นของ บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS และแจ้งการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
คดีปั่นหุ้นครั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเดือนกันยายน 2567 และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม พบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า นายจักรชัยสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น PK ในระหว่างวันที่ 10 – 11 เมษายน 2567
หุ้น TKT ในระหว่างวันที่ 24 – 25 เมษายน 2567 และหุ้น PROS ในระหว่างวันที่ 10 – 13 พฤษภาคม 2567 โดยมีพฤติกรรม เช่น ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น และมุ่งหมายให้ราคาและ/ปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น PK - TKT และ PROS ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
การกระทำของนายจักรชัย เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535. จึงได้กล่าวโทษนายจักรชัย ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย และได้แจ้งการดำเนินการตามข้างต้นต่อ ปปง. เนื่องจากความผิดเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแห่งมื่อวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งนายเพชรดนัย ชาญหัตถกิจ ในความผิดกรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย หุ้นบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM หุ้นบริษัท ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ F&D
ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แรนต์ บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3 หรือ TVDH-W และหุ้นบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR
โดยเรียกให้ชำระเงินรวม 4,614,013 บาท รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
การกล่าวโทษนายจักรชัยที่ปั่นหุ้น 3 ตัว ในเวลาเดียวกัน และลงมือปฏิบัติการเพียงคนเดียว คือเป็นคดีที่สองที่ที่เกิดการปั่นหุ้นในลักษณะการฉายเดี่ยว ไม่มีเครือข่ายหรือทำกันเป็นขบวนการเป็นแก๊งเหมือนการปั่นหุ้นทั่วไป
แต่คดีนายจักรชัยมีความน่าสนใจ เพราะช่วงที่ปฏิบัติการปั่นหุ้น PK TKTและPROS ภาวะตลาดซบเซาสุดขีด ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมนักในการปั่นราคาหุ้น
และสิ่งที่มีความน่าสนใจมากกว่า เพราะคดีปั่นหุ้นของนายจักรชัย กำลังเป็นคดีที่พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ ก.ล.ต.
เพราะเป็นคดีแรกที่ใช้เวลาสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญาภายในเวลารวดเร็วที่สุด รวมตั้งแต่เริ่มก่อความผิดจนถูกแจ้งความดำเนินคดีเวลาไม่ถึง 1 ปีเท่านั้น
คดีปั่นหุ้น PK - TKT และ PROS อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการยกเครื่องใหญ่ ระบบการตรวจสอบ สอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนที่มีความกระชับรวดเร็วขึ้น เพื่อให้การดำเนินคดีกังวแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นให้รวดเร็วขึ้น ตามที่นักลงเรียกร้องมาตลอดเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา
ใครที่กระทำผิด เอาเปรียบ หลอกลวง ฉ้อโกประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องถูกลงโทษ ได้รับกรรมทันตาเห็น ไม่ใช่ปล่อยให้คดยืดเยื้อกันเป็นสิบปี
ไม่ว่าคดีกล่าวโทษผู้บริหาร บริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสต์ เอ็นเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC คดีบริษัท เอ็นเนอร์ยี เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH และบริษัท โพลาริส แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR ซึ่งไม่รู้คดีหายสาปสูญไปไหน ทั้งที่มีประชาชนที่ถูกโกงหลายหมื่นชีวิต
การกล่าวโทษนายจักรชัย ซึ่งฉายเดี่ยวปั่นหุ้น PK - TKT และ PROS กำลังเรียกศรัทธาก.ล.ต. กลับคืนมา
ภายใต้ความหวังว่า คดีมิจฉาชีพที่กระทำความผิดในตลาดหุ้น สร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุน การดำเนินคดีเพื่อลงโทษ จะเป็นไปด้วยความรวดเร็วฉับไว
คนโกงในตลาดหุ้นจะต้องได้รับเวรกรรมทันตาเห็น ติดคุกติดตารางในเวลาที่รวดเร็ว ไม่ใช่ปบล้นนักลงทุนแล้ว สร้างความเสียหายทำชาวบ้านย้อยยับแล้ว แต่ยังลอยนวลมีที่ยืนในสังคมเหมือนปัจจุบัน