คลื่นนักลงทุนจากประเทศจีน เข้ามากว้านซื้อคอนโดฯ ในไทยแล้ว นักลงทุนจากสิงคโปร์ ปรับทิศขนเงินทุนมาซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ต หลังเจอรัฐบาลสิงคโปร์ขึ้นเก็บภาษีซื้อบ้านสูงถึง 60% แต่ไทยได้บ้านหลังใหญ่ ภาษีถูก ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ เซฟเงินเป็นแสน
นายบิล บาร์เน็ต (Bill Barnett) กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks กล่าวถึงตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะสั้นและระยะยาวในเมืองหลวงและเมืองรีสอร์ตของไทย ว่า การท่องเที่ยวที่กำลังขับเคลื่อนตลาดเช่าระยะยาวในภูเก็ต ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่โมเดล Residential-led Hospitality อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีกลุ่มผู้ซื้อจากไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นกำลังหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต ขณะที่มีความน่าสนใจตรงที่ตอนนี้นักลงทุนที่เดิมเคยเข้าไปสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ เริ่มหันการลงทุนมาสู่อสังหาฯ ในประเทศไทย เนื่องจากทางรัฐบาลสิงคโปร์ได้ปรับภาษีซื้อบ้าน (singapore government increases additional Buyer's Stamp duty Rates) สูงขึ้นถึง 60% (บ้านหลังที่สอง และหลังที่สาม) ส่งผลให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายมาลงทุนในไทย เนื่องจากภาษีอสังหาฯ ของไทยต่ำและน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอัตราภาษีของสิงคโปร์ที่ประกาศออกมา
"ภูเก็ต คือ จุดหมายที่นักลงทุนจากสิงคโปร์ มาซื้อ จะเห็นได้จากช่วงปี 2566 ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 5.19 แสนคน มาเยือนผ่านสนามบินภูเก็ต มีไฟลต์จากสิงคโปร์มาภูเก็ต 146 เที่ยวบิน รวมถึงค่าครองชีพในไทยยังถูกเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ค่าใช้จ่ายโรงเรียนนานาชาติประมาณ 20,500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ที่สิงคโปร์สูงถึง 35,500 ดอลลาร์สหรัฐ หากจะมีพูลวิลล่าในภูเก็ตในราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะได้ถึง 5 ห้องนอน แต่ถ้าในสิงคโปร์ จะได้แค่คอนโดฯ 2 ห้องนอนเท่านั้น"
นายบิล ยังได้กล่าวถึงตลาดเช่าอสังหาฯ ระยะสั้นและระยะยาวในเมืองหลวงและเมืองรีสอร์ต (ภูเก็ต) ของไทยว่า เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ โดยเราตัวเลขล่าสุด ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯ มีการเติบโต โดยมีประมาณ 25,000 ยูนิต จาก 120 โครงการ อยู่ในแผนเปิดอีก 11 โครงการ ประมาณ 2,319 ยูนิต ผู้เช่ามีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมสุขุมวิทจะเป็นชาวญี่ปุ่น แต่หลังโควิด ที่ผ่านมา พฤติกรรมการเช่าจะสั้นลง และความต้องการจะมีกลุ่มใหม่จากญี่ปุ่น จีน เกาหลี กลุ่มตะวันออกกลาง อินเดีย และจากยุโรป ที่มองหาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ห้องใหญ่กว่าโรงแรม เป็นต้น
ในเรื่องของแนวโน้มการเช่าระยะยาวและสั้นนั้น ในกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะมีความแตกกัน เช่น กทม.จะเน้นเช่ายาวในสัดส่วน 89% ระยะสั้นเพียง 11% แต่ในภูเก็ตสัดส่วนจะเกือบใกล้กัน เทียบคอนโดฯ และแนวราบ พบว่า กทม.จะเช่าอยู่ในคอนโดฯ ยาว ถึง 94% ภูเก็ต ทั้งคอนโดฯ และแนวราบ สัดส่วนเกือบใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ ตลาดหลักของผู้เช่าในพื้นที่กรุงเทพฯ จะเป็นกลุ่มคนไทย ส่วนที่ภูเก็ตจะเป็นชาวรัสเซีย
ดร.อัลเลน เซแมน ประธานกลุ่มบริษัท LKF Group กล่าวว่า ภูเก็ตกำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนชาวสิงคโปร์ โดยโครงการ Sudara Residences Phuket มียอดขายจากภูมิภาคกว่า 40% จากสิงคโปร์ สะท้อนเทรนด์ที่ขับเคลื่อนปัจจัยด้านความคุ้มค่าในการลงทุน
สุดารา เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต (Sudara Residences Phuket) มีกำหนดแล้วเสร็จในเฟสแรก ในปี 2570 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโครงการรุ่นใหม่สไตล์รีสอร์ต ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ซื้อในภูมิภาคที่มองหาไลฟ์สไตล์คุณภาพควบคู่ไปกับโอกาสในการลงทุนปล่อยเช่า โดยโครงการประกอบด้วยเรสซิเดนซ์แบบ 1-3 ห้องนอน รวม 220 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 52-144 ตารางเมตร พร้อมตัวเลือกยูนิตที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว จุดเด่นของโครงการ ได้แก่ คลับเฮาส์หลัก ‘The Pavilion’ ซึ่งครบครันด้วยสระว่ายน้ำกลางแจ้ง เลานจ์เปิดโล่งพร้อมคาบาน่า คิดส์คลับ ฟิตเนส คาเฟ่ Silk พื้นที่โยคะ และโคเวิร์กกิ้งสเปซ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการและบริการคอนเซียร์จโดยทีมมืออาชีพจาก Andara Resort & Villas รีสอร์ตระดับอัลตราลักชัวรีในภูเก็ต ราคาเริ่มต้น 10-27 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการในเฟสแรก 4,000 ล้านบาท ส่วนในเฟสที่สองกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุน ซึ่งรูปแบบจะมีความลักชัวรีมากขึ้น