ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ตลาดการเงิน ด้วยการประกาศจัดตั้ง กองทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ด้านคริปโตแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยรวมสินทรัพย์ดิจิทัลหลักอย่าง Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), XRP และ Cardano (ADA) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ
การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงมุมมองของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เคยระแวดระวังสินทรัพย์ดิจิทัล มาสู่การยอมรับว่าคริปโตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของชาติ
ขณะที่บิทคอยน์ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ทองคำดิจิทัล" ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ Ethereum เป็นแกนหลักของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ส่วน XRP เป็นผู้นำด้านการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน และ Cardano โดดเด่นด้านนวัตกรรมบล็อกเชน
การจัดตั้งกองทุนสำรองนี้ อาจเปลี่ยนภูมิทัศน์การเงินโลก โดยทำให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเงินดิจิทัล พร้อมปูทางให้คริปโตมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก
มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งรับข่าวทันที
ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนเว็บไซต์ Truth Social ว่าคำสั่งบริหารด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในเดือนมกราคมของเขาจะสร้างคลังสกุลเงินต่างๆ มากมาย รวมถึง Bitcoin, Ether, XRP, Solana และ Cardano โดยก่อนหน้านี้ยังไม่มีการประกาศชื่อสกุลเงินเหล่านี้
"และแน่นอนว่า BTC และ ETH เช่นเดียว กับสกุลเงินดิจิทัลอันมีค่าอื่นๆ จะเป็นหัวใจสำคัญของธนาคารกลาง" ทรัมป์ กล่าวเสริม
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างถึงข้อมูลของ CoinGecko ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลและการวิเคราะห์สกุลเงินดิจิทัลว่าบิทคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดของโลก พุ่งขึ้นมากกว่า 11% อยู่ที่ 94,164 ดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ส่วนอีเธอร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับสอง พุ่งขึ้นประมาณ 13% อยู่ที่ 2,516 ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนับตั้งแต่มีการประกาศของทรัมป์
ด้าน เฟเดอร์ริโค โบรกาเต้ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจสหรัฐฯ ของ 21Shares ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวว่า "การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงไปสู่การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเศรษฐกิจคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ" "การเคลื่อนไหวนี้มีศักยภาพที่จะเร่งการนำระบบมาใช้ในสถาบันต่างๆ เพิ่มความชัดเจนในกฎระเบียบ และเสริมสร้างความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในด้านนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล"
ส่วน เจมส์ บัตเตอร์ฟิลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทจัดการสินทรัพย์ CoinShares กล่าวว่า เขาประหลาดใจที่ได้เห็นสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกจากบิทคอยน์รวมอยู่ในทุนสำรองนี้
"สินทรัพย์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากบิทคอยน์เนื่องจากการประกาศดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่รักชาติมากขึ้นต่อพื้นที่เทคโนโลยีคริปโตที่กว้างขึ้น โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติพื้นฐานของสินทรัพย์เหล่านี้" บัตเตอร์ฟิลล์กล่าวทิ้งท้าย