xs
xsm
sm
md
lg

แผนดีๆ ปลุกหุ้นแน่...แต่ "พิชัย" ไม่ทำเสียที / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมีแผนที่ดีในการกระตุ้นตลาดหุ้น แต่ดูเหมือนว่า นักลงทุนจะไม่ตอบรับ และเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง จนดัชนีดำดิ่งลงลึก และกลัวกันว่า หุ้นอาจเลวร้ายลงถึงระดับ 1,000 จุด

แผนฟื้นฟูตลาดหุ้นที่กระทรวงการคลังประกาศออกมา เริ่มตั้งแต่การสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืน หรือ TRESURY STOCK การแปลงกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF เป็นกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ TESG

การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลบริษัทจดทะเบียน การให้บริษัทจดทะเบียนจัดทำแผนธุรกิจ และสามารถสร้างผลกำไรได้เพิ่มเติมจากผลกำไรปกติจากแผนธุรกิจ ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น จะได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 3 ปี

การประกาศแผนปลุกตลาดหุ้นออกมาระยะเวลาใกล้เคียงกับการลดดอกเบี้ยจาก 2.25% เหลือ 2% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน แต่หุ้นกลับดิ่งลงไม่หยุดยั้ง หลังจากผงกหัวขึ้นกว่า 10 จุดเพียงแค่วันเดียว

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ดัชนีหุ้นดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ถ้าไม่นับรวมช่วงวิกฤตโควิด โดยลงไปที่ระดับ 1,186.36 จุด ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,203.72 จุด ลดลง 12.01 จุด

นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นทิ้งต่อไป และคาดว่าแรงขายหุ้นของกองทุน LTF ก็ยังดำเนินอยู่

ทำไมแผนปลุกตลาดหุ้นของกระทรวงการคลังจึงไม่ได้รับการตอบรับที่ดี ทำไมนักลงทุนต่างชาติจึงขายหุ้นไม่เลิก ทำไม LTF จึงไม่หยุดเทขาย

และทำไมดัชนีจึงปักหัวลงลึก โดยมีแนวโน้มที่จะดิ่งลงต่อไป จนเกิดความคาดหมายว่า หุ้นจะไหลลงไปถึงระดับ 1,000 จุด

กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันวางแผน เตรียมผลักดันมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้น ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดี

แต่ปัญหาที่ปลุกหุ้นไม่ขึ้นคือ ทุกมาตรการมีความอืดอาดล่าช้า ทั้งที่หุ้นกำลังวิกฤตหนัก และจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนมากอบกู้ในทันที

การสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืน อาจช่วยให้มีเงินก้อนใหม่ มีแรงซื้อเข้ามาในตลาดหุ้นนับแสนบ้านบาท มากพอๆ กับกองทุนวายุภักษ์

การแปลงสภาพ LTF เป็น TESG จะช่วยหยุดยั้งแรงขาย LTF ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในแรงกดดันให้หุ้นร่วงมานับตั้งแต่ต้นปี

การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลบริษัทจดทะเบียน จากปัจจุบัน 20% ของกำไรสุทธิ ซึ่งหากลดลงเพียง 5% เหลือเพียง 15% ทำให้ผลกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นทันที และช่วยให้การจ่ายเงินปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นทันทีอีกประมาณ 25% จะสร้างแรงจูงใจการซื้อหุ้นมากขึ้น

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งมีผลตอบแทนเงินปันผลจากผลดำเนินงานปี 2567 อัตรา 6.67% ถ้าลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 15% อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล PTT จะทะยานขึ้นสูงกว่า 8% ทันที

นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ จะไม่วิ่งกลับมาไล่ซื้อหุ้น PTT หรือหุ้นอีกนับร้อยบริษัทให้รู้ไป

และการยกเว้นภาษีผลกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นจากผลกำไรปกติ โดยการร่วมโครงการจัดทำแผนธุรกิจเป็นเวลา 3 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนมีผลกำไรสุทธิเติบโตขึ้น สร้างแรงจูงใจการลงทุนในตลาดหุ้น

กระทรวงการคลัง มีแผนและมาตรการที่ดีเพื่อปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้นอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ นายพิชัยไม่ยอมลงมือทำเสียที

และนักลงทุนต่างชาติหรือผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ก็รอไม่ได้ เพราะยิ่งรอ หุ้นยิ่งลงต่อไป ทำให้ขาดทุนยับเยินมากขึ้น

แรงเทขายหุ้นจึงไหลทะลักไม่หยุด ดัชนีดิ่งไม่หยุด และไม่ต้องไปควานหา "แพะ" ที่ไหนมารับบาป

เพราะตัวการที่ทำให้หุ้นไม่ฟื้นคือ นายพิชัย ชุณหวชิร มัวแต่งมโข่งเพียงคนเดียว








กำลังโหลดความคิดเห็น