มาร์ติน ชเลเกล ประธาน SNB ชี้บิทคอยน์มีความผันผวนสูง ขาดสภาพคล่อง และมีความเสี่ยงทางเทคโนโลยี จึงไม่เหมาะกับการเป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศ ขณะที่กลุ่ม 2B4CH เดินหน้าผลักดันให้จัดประชามติ โดยต้องรวบรวม 100,000 รายชื่อภายในปี 2569 แม้ถูกปฏิเสธ แต่สวิตเซอร์แลนด์ยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางบิทคอยน์ของโลก
มาร์ติน ชเลเกล ประธานธนาคารกลางสวิสตอกย้ำ! บิทคอยน์ ยังไม่ใช่สินทรัพย์สำรองที่เหมาะสม เนื่องจากมีความผันผวนเกินไป ขาดสภาพคล่อง และมีความเสี่ยงด้านเทคนิค" โดยจุดยืนของ มาร์ติน ชเลเกล ระบุว่า การที่กลุ่มวิจัย และองค์กรไม่แสวงหากำไรมีแนวคิดให้สวิตเซอร์แลนด์ถือครองบิทคอยน์ในงบดุลของ SNB
โดย 2B4CH องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านบิทคอยน์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้เชื่อมั่นในคริปโตให้แบงก์ชาติสวิสมีการถือครองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์
อย่างไรก็ตาม ชเลเกลอ้างถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ที่เขาไม่เห็นด้วยในการนำบิทคอยน์มาเป็นคลังสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์โดยระบุว่า
1.ความผันผวนสูง : เนื่องจากบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เหมาะกับการเป็นสินทรัพย์สำรองของธนาคารกลาง
2.ขาดสภาพคล่อง : จากการที่ทุนสำรองของ SNB ต้องสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินนโยบายการเงิน แต่บิทคอยน์อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องนี้
3.ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี : เนื่องจากทำงานผ่านซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจมีจุดบกพร่องและช่องโหว่ทางเทคนิค
"เราทุกคนรู้ดีว่าซอฟต์แวร์อาจมีบั๊กหรือช่องโหว่ได้ แม้ว่าตลาดคริปโตใหญ่แค่ไหนก็ยังเป็น ‘ปรากฏการณ์เฉพาะกลุ่ม’" ชเลเกล กล่าวกับสื่อท้องถิ่น Tamedia เมื่อวันที่ 1 มีนาคม
ทั้งนี้แม้ ชเลเกล จะยอมรับว่า มูลค่ารวมของตลาดคริปโตเคยแตะเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่เขากลับมองว่าอุตสาหกรรมนี้ยังถือเป็น "niche phenomenon" หรือเป็น ปรากฏการณ์เฉพาะกลุ่ม เมื่อเทียบกับระบบการเงินโดยรวม
นอกจากนี้ ประธาน SNB ยังกล่าวย้ำว่าบิทคอยน์และคริปโตเคอเรนซีไม่มีทางมาแทนที่ฟรังก์สวิสได้
"เราไม่กลัวการแข่งขันจากสกุลเงินดิจิทัล" ชเลเกล กล่าว
แคมเปญผลักดันบิทคอยน์ เป็นสินทรัพย์สำรอง ระดมรายชื่อหนุน 100,000 รายชื่อ
ข้อเสนอของ 2B4CH ถูกยื่นต่อสำนักงานนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐสวิสเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และหากต้องการให้เรื่องนี้ถูกนำไปสู่การลงประชามติสาธารณะ โดยพวกเขาจะต้องรวบรวมผู้สนับสนุนด้วยการลงนามในโครงการดังกล่าวไม่น้อยกว่า 100,000 รายชื่อภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2569 (ประมาณ 16 เดือนนับจากนี้)
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากประชากรสวิตเซอร์แลนด์ที่มีประมาณ 8.97 ล้านคน หมายความว่า อย่างน้อย 1.11% ของประชากรต้องร่วมลงชื่อเพื่อให้ข้อเสนอนี้เดินหน้าได้
แม้ถูกปฏิเสธนโยบาย บิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ แต่สวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นศูนย์กลางบิทคอยน์ แห่งหนึ่งของโลก
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก ชเลเกล แต่สวิตเซอร์แลนด์ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศแนวหน้าด้านการยอมรับบิทคอยน์โดยเฉพาะในเมืองลูกาโน (Lugano) ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม “Plan ₿” เป็นประจำทุกปี
ขณะที่ประเทศอื่น ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเช็ก และฮ่องกง กำลังพิจารณานโยบายสำรองบิทคอยน์ส่วน ขณะที่เอลซัลวาดอร์ ยังคงถือครองบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยซื้อสะสมอย่างน้อย 1 BTC ต่อวัน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564
นอกจากนี้ โปแลนด์ เพิ่งประกาศตัดสินใจไม่นำบิทคอยน์มาเป็นคลังสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์เช่นกัน