xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอยน์ร่วงหนัก! หลุด 83,330 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน นักลงทุนเทขาย เงินไหลออกจาก ETF อย่างรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดคริปโตเผชิญแรงกดดันหนัก หลังราคาบิทคอยน์ดิ่งลงแตะระดับ 83,330 ดอลลาร์ ในช่วงปลายวันพุธ ท่ามกลางกระแสเทขายอย่างรุนแรง ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคายังมาจากสภาพเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างประเทศที่ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย

ความเชื่อมั่นตลาดแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี

ดัชนี "ความกลัวและความโลภ" (Fear & Greed Index) ร่วงลงสู่ระดับ 10 ซึ่งสะท้อนถึงความหวาดกลัวขั้นรุนแรงของนักลงทุน นับเป็นจุดต่ำสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ปี 2565

ETF ไหลออกหนัก – สัญญาณเทขายของสถาบัน

ราคาที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเงินไหลออกจากกองทุน ETF Bitcoin อย่างมหาศาล โดยเฉพาะจากกองทุน ETF ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าการไถ่ถอนรวมกันกว่า 1.136 พันล้านดอลลาร์ในวันอังคาร และอีก 757 ล้านดอลลาร์ในวันพุธ

กองทุน ETF ของ BlackRock (IBIT) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุด ได้บันทึกการไหลออกของ BTC มากถึง 5,000 BTC เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุด แซงหน้าการถอนเงิน 332 ล้านดอลลาร์ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 มกราคม

กลยุทธ์ทำกำไรถูกบีบ บิทคอยน์ร่วงต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2567

การคลายสถานะการซื้อขายแบบ Arbitrage (การทำกำไรจากช่องว่างราคาระหว่างตลาด Spot และตลาด Futures) ส่งผลให้การร่วงลงของ BTC ยิ่งรุนแรงขึ้น โดยนักลงทุนบางส่วนเริ่มปิดสถานะทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง

การคาดการณ์ในระยะสั้นสำหรับบิทคอยน์ยังคงเป็นขาลงโดยปัจจัยหลายอย่างไม่เป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ หรือแรงกดดันจากการไหลออกของเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน



ตลาดคริปโตระส่ำ "Ether และ Altcoins" ดิ่งตาม

ไม่เพียงแค่บิทคอยน์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ Ether (ETH) ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตเบอร์สองของโลก ร่วงลงกว่า 5% มาอยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์ ฃขณะที่เหรียญ Altcoins ชั้นนำ ต่างก็ร่วงตามกันถ้วนหน้า

การเทขายครั้งใหญ่ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมร่วงลง 5% ภายใน 24 ชั่วโมง ลดลงมาอยู่ที่ 2.88 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Coingecko

แรงเทขายกระตุ้นการชำระบัญชีครั้งใหญ่ นักเก็งกำไรเจ็บหนัก

การร่วงลงของราคาทำให้เกิดปรากฏการณ์ "Liquidation Cascade" หรือการชำระบัญชีเป็นทอดๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูง



ข้อมูลจาก Coinglass ระบุว่า มีเทรดเดอร์มากถึง 185,186 ราย ที่ถูกบังคับปิดสถานะ ส่งผลให้มีการชำระบัญชีรวม 768 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็น

- Bitcoin ถูกชำระบัญชีไปกว่า 461 ล้านดอลลาร์
- Ether ถูกชำระบัญชีไปกว่า 127 ล้านดอลลาร์
- เหรียญที่มีความเสี่ยงสูง เช่น Solana, Lido และ Sonic สูญเสียมูลค่าระหว่าง 5–6%

อนาคตตลาดคริปโตยังมีโอกาสฟื้นตัวหรือไม่?

แม้ว่าตลาดคริปโตจะเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก แต่ยังคงมีปัจจัยที่อาจช่วยหนุนให้เกิดการฟื้นตัว

Ryan Lee หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Bitget Research ระบุว่า “การชำระบัญชีสถานะที่มีเลเวอเรจสูงเกินไป อาจช่วยให้ตลาดปรับฐานและฟื้นตัวได้ หากปัจจัยเสี่ยง เช่น สงครามการค้าเริ่มคลี่คลายลง”

ขณะนี้ตลาดคริปโตยังคงเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งต้องจับตาดูว่าสามารถหาจุดสมดุลระหว่างแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ และ ปัจจัยบวกจากการยอมรับของสถาบันการเงินได้หรือไม่ โดยบิทคอยน์จะร่วงต่อ หรือเด้งกลับ? คำตอบอาจขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า!