xs
xsm
sm
md
lg

AAV กำไรปี 67 พุ่ง 647% รับค่าโดยสาร-ผู้โดยสารเพิ่ม ปีนี้ตั้งเป้าโต 15%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แอร์เอเซีย เผย ปี 67 มีกำไรสุทธิ 3.47 พันลบ. พุ่ง 647% กลับมามีกำไรครั้งแรกหลังโควิด หลังจำนวนผู้โดยสาร -ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นช่วยหนุน ขณะที่ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยนเสริม ส่วนปีนี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% ใกล้เคียงปีก่อน จากจำนวนผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน และอัตราขนส่งผู้โดยสารแตะ90% ประกาศตั้งเป้ารักษา EBITDA เท่าปีก่อน โดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน - มีแผนเพิ่มขนาดฝูงบินเป็น 66 ลำ ด้านโบรกฯ คาด ปี68 AAV จะมีรายได้ 5.46 หมื่นลบ. -กำไรสุทธิ โต 9.5% แนะนำซื้อ ให้เป้าที่ 3.30 บาท

รายงานข่าว จาก บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 67 มีกำไรสุทธิ 3,477.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 647 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 465.8 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากการดำเนินงานหลักของบริษัทจะอยู่ที่ 3,006.8 ล้านบาท นับเป็นการกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานหลักเป็นปีแรกตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 49,435.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน หนุนจากทั้งจำนวนผู้โดยสารและค่าโดยสารเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 โดยค่าโดยสารเฉลี่ยต่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 1,967 บาท ขณะที่รายได้จากบริการเสริมต่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 มาอยู่ที่ 409 บาท นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 589.0 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 44,096.8 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมบำรุง ค่าพนักงาน และค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณที่นั่งที่ให้บริการ ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากปีก่อนมาอยู่ที่ 10,183.9 ล้านบาท

ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชีย ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดภายในประเทศ ด้วยอัตราขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศสูงถึงร้อยละ 93 ส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศแตะระดับสูงสุดที่ร้อยละ 41ในเดือนตุลาคม และปิดทั้งปีด้วยส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 40

สำหรับตลาดระหว่างประเทศ สายการบินสามารถรักษาอัตราขนส่งผู้โดยสารที่ร้อยละ 87 พร้อมขยายเส้นทางบินใหม่อย่างต่อเนื่อง จีนยังคงเป็นตลาดระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไทยแอร์เอเชีย คิดเป็นร้อยละ 19 ของปริมาณที่นั่งที่ให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศในปี 2567 ซึ่งลดลงจาก ร้อยละ 30 ในปี 2562 เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มเที่ยวในประเทศจีนเองมากขึ้น ขณะที่ตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย มีความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีที่นั่งที่ให้บริการคิดเป็นร้อยละ 14 ของปริมาณที่นั่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 ในปี 2562 หนุนจากการเพิ่มโควต้าที่นั่งและการเปิดเส้นทางบินใหม่ รวมถึงการขยายเครือข่ายการบินจากภูเก็ตไปยังโกลกาตาและเชนไน

นอกจากนี้ สายการบินยังขยายตลาดในประเทศญี่ปุ่น โดยเปิดตัวเส้นทางบินใหม่สู่โอกินาวา และใช้สิทธิเสรีภาพการ บินที่ 5 (Fifth Freedom) เปิดให้บริการเส้นทางดอนเมืองไทเป-โอซาก้า และดอนเมือง-เกาสง-นาริตะ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้โดยสาร

ตั้งเป้าปี 68 รายได้โตใกล้เคียงปีก่อนที่ 15%

สำหรับปี 68 คาดว่ารายได้จากการขายและบริการจะเติบโตในระดับใกล้เคียงร้อยละ 15 จากปีก่อน จากจำนวนผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน ด้วยอัตราขนส่งผู้โดยสารใกล้ระดับร้อยละ 90 ปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสาร (ASK) 28,500 ล้าน ที่นั่ง-กม และตั้งเป้าหมายรักษาอัตรากำไร EBITDA ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร โดย บจ. ไทยแอร์เอเชีย มีแผนเพิ่มขนาดฝูงบินเป็น 66 ลำในปี 2568 เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว โดยมีกำหนดรับมอบเครื่องบินลำแรกภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้

ฟิลลิป คาดปีนี้ มีรายได้ที่ 5.46 หมื่นลบ. แนะนำซื้อ เป้า 3.30 บ.

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล. ฟิลลิป ประเมินว่า  ในปี 2568 ทาง ททท. ตั้งเป้าให้ได้นักท่องเที่ยวที่ 40 ล้านคน สูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562 เล็กน้อย แม้นักท่องเที่ยวจีนอาจยังไม่กลับเท่าปี 2562 ที่ 11 ล้านคน แต่จะเห็นนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ โตทดแทน อีกทั้งการรับเครื่องบินเพิ่มอีก 6 ลำ มาเน้นตลาดในประเทศที่ AAV มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ซึ่งในปี 2567 AAV คาดการณ์ผู้โดยสาร 20-21 ล้านคน ได้มาที่ 20.82 ล้านคน ก็อยู่ในกรอบเป้าหมาย

ส่วนในปี 2568 คาดว่าผู้โดยสารที่ 22.50 ล้านคนเท่าปี 2562 มีแนวโน้มสูงที่แผนธุรกิจของ AAV ที่ยังไม่ประกาศจะสูงกว่าที่คาดไว้จากการเพิ่มเครื่องบินและจุดบิน คาดในปี 2568 AAV จะมีรายได้ที่ 54,608 ล้านบาท รายได้เฉลี่ย/ตั๋วที่ 2,010 บาท และคาดกำไรสุทธิ (ไม่รวมค่าเงิน) ที่ 3,053 ล้านบาท +9.5% y-y และดีกว่าในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อิง P/B ของปี 2568 ที่ 3 เท่า (เทียบเท่ากับ P/E ที่ 9 เท่า) ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 3.30 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ทั้งนี้ ปกติ 1Q จะเป็น high season ต่อเนื่องจาก 4Q แม้จะมีข่าวนักแสดงจีนถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมา โดยมาลงไทยก่อนเดินไปเมียนมา เกิดกระแสความไม่ปลอดภัยในการเดินทางมาไทย ซึ่งนายกสมาคมโรงแรมไทยให้ข้อมูลช่วง ม.ค. มีการยกเลิกห้องพัก 12,428 ห้อง เป็นนักท่องเที่ยวจีน 4,572 ห้อง ยังไม่ได้มีนัย แต่ต้องติดตามการแก้ไขของรัฐบาลในเรื่องคนจีนถูกหลอกจากขบวนการค้ามนุษย์

ในขณะที่ข้อมูลของวิทยุการบินแห่งประเทศไทย รายงานปริมาณเที่ยวบินช่วงตรุษจีน 26 ม.ค. – 1 ก.พ. 2568 (7 วัน) จะมีเที่ยวบินทั้งในและระหว่างประเทศรวม 19,305 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% โดยเที่ยวบินระหว่างไทย-จีน อยู่ที่ 2,718 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 48% และเป็นสัดส่วนสูงสุดของเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ AOT ที่ได้ประมาณการผู้ใช้สนามบิน 6 แห่งของ AOT ช่วงตรุษจีน 24 ม.ค. – 2 ก.พ. 2568 จะมีผู้โดยสารราว 4.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเที่ยวบิน 24,599 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.7% ยังสะท้อนภาพเชิงบวกของนักท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนและการเติบโตของนักท่องเที่ยวใน 1Q68 ได้ดี

นอกจากนี้ วันที่ 1 ม.ค. -2 ก.พ. จากรายงานกระทรวงการท่องเที่ยวฯมีนักท่องเที่ยวมาไทยแล้ว 3.97 ล้านคน +21% y-y โดยนักท่องเที่ยวจีนยังมาเป็นอันดับ 1 และเมื่อดูจากช่วงตรุษจีนที่กล่าวมาข้างต้น แนวโน้มใน 1Q68 ของ AAV คาดจะดีขึ้น y-y เพราะ AAV มีเส้นทางบินไปจีน 12 เมือง ในขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียจะโตได้ดีหลังจากการเจรจาสิทธิการบินระหว่างกันไทย-อินเดียได้ข้อตกลงร่วมกันในการเพิ่มจำนวนที่นั่งฝั่งละ 7,000 ที่นั่ง/สัปดาห์ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2567 ใน 6 เมืองสำคัญ “มุมไบ-เดลี-เชนไน-กัลกาตา-บังกาลอร์-ไฮเดอราบัด”

ซึ่ง 5 ใน 6 เมือง AAV มีเส้นทางบินอยู่ และเปิดเส้นทางบินในประเทศเพิ่มโดยใช้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นฐานบินไปขอนแก่นและอุดรธานีเริ่ม 1 ก.พ. รวมถึงเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 สำหรับคนไทยที่ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางภายในประเทศตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. ช่วยหนุนผู้โดยสารภายในประเทศ

ช่วงที่เหลือของปีจะเปิดเส้นทางบินใหม่จากภูเก็ต-โกชิ เริ่มบิน 11 เม.ย. เป็นเส้นทางบินที่ 3 ที่บินจากภูเก็ตไปอินเดีย ทำให้บินไปอินเดีย 13 เมือง 16 เส้นทางบิน รวมถึงมีแผนเปิดบินไปเมืองออรังคาบัดเป็นเมืองที่ 14 และปี 2568 มีแผนรับเครื่องบินเพิ่ม 6 ลำ เพื่อเน้นตลาดในประเทศซึ่งใน 3Q67 มีส่วนแบ่งตลาด 39% มากสุด และอาจเห็นการได้สิทธิการบินที่ 5 (บินไปประเทศที่ 3) จากประเทศอื่นเพิ่ม จากเดิมที่ได้สิทธิการบินที่ 5 จากไต้หวันบินไปญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้โดยสาร


กำลังโหลดความคิดเห็น