xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอยน์ร่วงหนักทะลุ 90,000 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนเทขาย ETF ต่อเนื่อง ชำระบัญชีพุ่ง 1.3 พันล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บิทคอยน์ร่วงแรงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ท่ามกลางกระแสเงินไหลออกจากกองทุน ETF ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการชำระบัญชีในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่พุ่งสูงเกิน 1.3 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดคริปโตหดหู่ลง

ข้อมูลล่าสุดจาก Cointelegraph Markets Pro ระบุว่าบิทคอยน์ร่วงลงมาอยู่ที่ 87,629 ดอลลาร์ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา การร่วงลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากนักลงทุนเทขาย Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ อย่างหนัก โดยเฉพาะในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่มีการไหลออกสุทธิมากกว่า 516 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว ตามข้อมูลจาก Farside Investors ซึ่งนับเป็นการเทขายติดต่อกันเป็นวันที่ 6 แล้ว

BTC/USD กราฟ 1 ปี ที่มา: Cointelegraph
ขณะที่ในช่วง 6 วันที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์ ลดลงมากกว่า 6.2% นับตั้งแต่เริ่มมีการเทขาย ETF ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยตลอดสองสัปดาห์ก่อนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ กองทุน ETF Bitcoin มีการไหลออกสุทธิสะสมกว่า 1.14 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นช่วงเวลาที่มีการถอนเงินสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มซื้อขาย ETF เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2024

ความตึงเครียดทางการค้า สหรัฐฯ-จีน ส่งผลต่อตลาด

ตามรายงานของรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ คาดการณ์ว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดการเทขาย ETF อย่างต่อเนื่องอาจมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาคาดหวังให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางเยือนสหรัฐฯ และมองว่า "เป็นไปได้" ที่ทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงการค้าใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดการชัดเจนสำหรับการเยือนครั้งนี้

กระแสเงินทุน ETF ของ Bitcoin ที่มา: Farside Investors
ชำระบัญชีคริปโตพุ่ง 1.3 พันล้านดอลลาร์ หลังเหตุแฮ็กครั้งใหญ่

นอกจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ตลาดสกุลเงินดิจิทัลยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายใน หลังเกิดเหตุแฮ็กข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ โดยแพลตฟอร์ม Bybit สูญเสียเงินไปกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และมีการชำระบัญชีคริปโตรวมมูลค่าสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทบผู้ค้ามากกว่า 362,000 ราย ตามข้อมูลจาก CoinGlass โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่มีสัดส่วนการชำระบัญชีสูงถึง 523 ล้านดอลลาร์

แผนภูมิความร้อนของการชำระบัญชีคริปโต 24 ชั่วโมง แหล่งที่มา: CoinGlass
ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ การปรับตัวเป็นส่วนหนึ่งของวงจรตลาด

แม้ราคาบิทคอยน์ที่ลดลงจะสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนบางส่วน แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการปรับตัวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของวงจรปกติในตลาดสกุลเงินดิจิทัล Raoul Pal ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Global Macro Investor ระบุในโพสต์บน X วันที่ 25 กุมภาพันธ์ว่า การปรับตัวในครั้งนี้คล้ายคลึงกับโครงสร้างตลาดในปี 2560 ซึ่งบิทคอยน์เคยประสบกับการปรับตัวลงถึง 28% ถึง 5 ครั้ง โดยแต่ละครั้งกินเวลาประมาณ 2-3 เดือน

การแก้ไขรอบ Bitcoin 2017 แหล่งที่มา: Raoul Pal
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของบิทคอยน์ในช่วงนี้ยังคงเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลต่อตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนสูง