xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว 5 หุ้นปันผลสุดหรู / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การรวบรวมข้อมูลพื้นฐานหุ้นบริษัทจดทะเบียน เป็นหน้าที่ของฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทโบรกเกอร์สำนักต่างๆ แต่ภาวะตลาดหุ้นที่ตกต่ำซบเซาอย่างหนัก และดัชนีหุ้นมีแนวโน้มทรุดตัวต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทยต้องลงมาแย่งอาชีพโบรกเกอร์อีกแรง โดยเลือกเฟ้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีเงินปันผลงามๆ มานำเสนอนักลงทุน

ตลาดหลักทรัพย์พยายามออกมาตรการ กระตุ้นภาวะตลาดหุ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนมาหลายมาตรการแล้ว เช่น การเปิดให้บริษัทโบรกเกอร์นำเซิร์ฟเวอร์เชื่อต่อศูนย์ซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์โดยตรง เพื่อขจัดความได้เปรียบเสียเปรียบ การส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น สร้างความเท่าเทียมให้นักลงทุนรายย่อย

แต่มาตรการหลายด้านที่ผลักดันออกมาก่อนหน้า ไม่อาจพลิกฟื้นตลาดหุ้นให้กลับมาคึกคักได้ ล่าสุด จึงรวบรวมหุ้นที่น่าสนใจลงทุน นำเสนอเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุน

หุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์นำเสนอเป็นชุดแรก มีทั้งหมด 5 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่ในรอบ 3 ปี มีผลตอบแทนจากราคาหุ้นไม่ต่ำกว่า 15% และมีเงินปันผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 8%

5 หุ้นเด่นที่ตลาดหลักทรัพย์นำเสนอเป็นทางเลือกการลงทุน ประกอบด้วย หุ้นบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA หุ้นบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO หุ้นบริษัท นอร์ทอีสรับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER หุ้นบริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL และหุ้นบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW

LANNA ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ ในช่วง 3 ปี คือระหว่างปี 2564 ถึง 2566 ราคาหุ้นให้ผลตอบแทน 34.41% ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนหรือยิลด์เฉลี่ยปีละ 14.40%

TISCO ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่นของธุรกิจทางการเงินทิสโก้ โดยมีธนาคารทิสโก้เป็นหลัก ในรอบ 3 ปี ระหว่างปี 2564-2566 ราคาหุ้นให้ผลตอบแทน 17.05% โดยมีอัตราเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 7.61%

NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่งและยางผสม เพื่อจำหน่ายผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ช่วงระหว่างปี 2564-2566 หุ้นให้ผลตอบแทน 30.51% อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 7.13%

PHOL เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ระหว่างปี 2564-2566 หุ้นให้ผลตอบแทน 18.50% อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 8.42%

และ TTW ประกอบกิจการสาธารณูปโภค ผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ระหว่างปี 2564-2566 หุ้นให้ผลตอบแทน 20.82% เงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 6.61%

แม้ปัจจัยพื้นฐานหุ้นทั้ง 5 บริษัท จะเป็นอดีต แต่ก็เป็นข้อมูลที่สามารถใช้เป็นองค์ประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุนได้เป็นอย่างดี เพียงแต่นักลงทุนจะต้องศึกษาเพิ่มเติม ผลดำเนินงานปัจจุบันและแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในขั้นสุดท้าย

หุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์นำเสนอ 5 บริษัท จัดอยู่ในหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่คุ้มกับการลงทุน ทั้งในแง่ส่วนต่างจากราคาหุ้น และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากหลายขุม

แต่หุ้นเด่นๆ เหล่านี้ กลับไม่ใช่หุ้นยอดนิยมของนักลงทุน แต่หุ้นเก็งกำไรยอดนิยมกลายเป็นหุ้นร้อนตัวเล็ก ซึ่งปัจจัยพื้นฐานเปราะบาง หลายตัวไม่เคยจ่ายเงินปันผล และหลายตัวผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งนักเก็งกำไรระยะสั้นที่แห่เข้าไปเล่น ปัจจุบันย่อยยับโดยถ้วนหน้า

หุ้นที่มีสถิติผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์สูง คุ้มกว่าดอกเบี้ยเงินฝากไม่ได้มีเฉพาะหุ้นขนาดเล็กเท่านั้น หุ้นขนาดใหญ่อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถ้าย้อนดูอัตราเงินปันผลตอบแทนระหว่างปี 2566-2568 ถือว่าสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยปี 2566 อัตราเงินปันผลจากประกอบการปี 2564 อยู่ที่ 5.59% ปี 2567 อยู่ที่ 6.30% และปี 2568 อยู่ที่ 6.31%

ข้อเสียของ PTT มีเพียงราคาหุ้นไม่ยอมขยับไปไหน ยึดหลักปักฐานแถว 30 บาทต้นๆ มายาวนาน นักลงทุนไม่ลุ้นกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น แต่อัตราเงินปันผลตอบแทนสุดคุ้ม ดีกว่าฝากเงินกินดอกเบี้ย และดีกว่าลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์เสียอีก

โลกของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปแล้ว หุ้นเก็งกำไรไร้สาระ ไร้ปัจจัยพื้นฐาน คงไม่ได้กลับมาอาละวาด หลอกหลอนนักลงทุนอีกแล้ว โดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นตั้งหน้าตั้งตาปักหัวลง

มีแต่หุ้นพื้นฐาน อัตราเงินปันผลดี เกินระดับ 5% ต่อปี และจ่ายได้อย่างสม่ำเสมอหลายปีติดต่อเท่านั้นที่ยังสามารถซื้อลงทุนได้

หุ้นเด่นที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาแนะนำเป็นทางเลือกการลงทุน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหุ้นดีๆ ความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนคุ้มกว่าเบี้ยเงินฝากที่นักลงทุนสามารถแสวงหาได้

แม้ในยามที่ตลาดหุ้นตกต่ำจนดูเหมือนกำลังจะล่มสลายก็ตาม








กำลังโหลดความคิดเห็น