xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีกำไรสุทธิปี 67 เพิ่ม 6% เตรียมทุ่ม 3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์จ่ายปันผลพิเศษ-ซื้อหุ้นคืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มธนาคารยูโอบีรายงานผลกำไรสุทธิปี 67 ที่ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 พร้อมเสนอบอร์ดจ่ายเงินปันผลที่ 92 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ 88 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ เงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 จะเป็น 1.80 เหรียญสิงคโปร์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ประมาณร้อยละ 50 และประกาศแผนมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อคืนทุนส่วนเกินในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า แผนดังกล่าวประกอบด้วยเงินปันผลพิเศษในปี 2568 เสนอจ่ายเงินปันผลพิเศษ 50 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นทุนส่วนเกินมูลค่า 800 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อฉลองครบรอบ 90 ปี และเปิดตัวโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

สำหรับในปี 2567 กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารยูโอบีอยู่ที่ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุนที่แข็งแกร่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิยังคงทรงตัวที่ 9.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งร้อยละ 5 ช่วยชดเชยผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่มีต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคาร รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อยู่ที่ 2.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่งที่เป็นตัวเลขสองหลัก ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่แข็งแกร่งขึ้น และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมั่นคง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ร้อยละ 1.5

โดยกลุ่มลูกค้าองค์กรยังคงมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง สินเชื่อเพื่อการค้าดีดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่กลุ่มลูกค้ารายย่อยยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี มีรายได้จากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตยังคงแข็งแกร่งและเติบโตที่อัตราร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับการสนับสนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงเติบโตและแฟรนไชส์ในภูมิภาคที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รายได้จากการบริหารจัดการความมั่งคั่งดีดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของลูกค้ามีมูลค่าสินทรัพย์สูงเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 แสนล้านเหรียญสิงคโปร์ เติบโตขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ในปี 2567 ธนาคารมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 850,000 ราย โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าที่ได้มาผ่านช่องทางดิจิทัล ณ สิ้นปี 2567 ฐานลูกค้ารายย่อยของธนาคารทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนเกือบ 8.4 ล้านราย

ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารยูโอบียังคงเดินหน้าขับเคลื่อนวาระด้านความยั่งยืนในปี 2567 เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยเฉพาะในภาคพลังงาน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 พอร์ตสินเชื่อด้านความยั่งยืนของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 อยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราในเส้นทางสู่ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า กลุ่มยูโอบีบรรลุผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายได้จากการค้าและการลงทุนที่มั่นคง การลงทุนระยะยาวของเราในด้านแพลตฟอร์มและศักยภาพในภูมิภาคกำลังเริ่มเห็นผล และเราคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แม้ว่าจะเห็นสัญญาณความไม่แน่นอนทั่วโลก แต่เรามั่นใจว่าภูมิภาคอาเซียนจะยังคงมีความยืดหยุ่น โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นของธนาคารในตลาดหลักต่างๆ ของภูมิภาคอาเซียน ฐานลูกค้าที่ขยายตัว และแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนา จะช่วยให้เราพร้อมที่จะคว้าโอกาสในภูมิภาคท่ามกลางการปรับโครงสร้างการค้าและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

ทั้งนี้ ในปี 2567 เราได้เสร็จสิ้นการรวมกิจการของซิตี้กรุ๊ปในประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในการรวมกิจการในมาเลเซียและอินโดนีเซียในปี 2566 การรวมกิจการในเวียดนามกำลังดำเนินไปตามแผนและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ เราจะยังคงใช้ประโยชน์จากความร่วมมือกันในการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์หลักของธนาคาร การบริหารจัดการต้นทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันเพื่อปรับปรุงการบริการให้ลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น