แม้ว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยังจมปลักกับความซบเซาอย่างยืดเยื้อ ดัชนีหุ้นอยู่ในสภาพซึมลง จนเกิดการมองโลกในแง่ร้าย โดยประเมินว่า หุ้นรอบนี้อาจทรุดลงไปที่ระดับ 1,000 จุด
แต่เริ่มมีสัญญาณดีๆ บ่งชี้ว่า สถานการณ์การลงทุนกำลังกระเตื้องขึ้นเหมือนกัน
ข่าวร้ายที่ถล่มใส่ตลาดหุ้นเป็นชุดๆ ฉุดให้ดัชนีหุ้นถอยร่นจากจุดปิดสิ้นปี 2567 ที่ระดับ 1,400.21จุด จนหลุดระดับ 1,250 จุด ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ถ้าไม่นับช่วงวิกฤตโควิด และยังถูกเทขายจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายๆ เริ่มจางหาย แรงขาย LTF แผ่วลง ขณะที่ข่าวดีๆ เริ่มกลับมาสร้างสีสันในตลาดหุ้น
ดัชนีที่ลงมาในระดับ 1ป250 จุด นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์แทบทุกสำนักประเมินว่า หุ้นได้ซึมซับข่าวร้ายหมดแล้ว การปรับฐานสะเด็ดน้ำแล้ว และน่าจะยืนปักหลักได้ ไม่ลงต่อ แต่กำลังรอข่าวดีเข้ามากระตุ้น
และข่าวดีเริ่มไหลรินเข้ามา โดยกระทรวงการคลังนำร่องด้วยมาตรการฟื้น LTF โดยจะนำ LTF ที่ครบกำหนดขายหน่วยลงทุนได้ ซึ่งเหลือวงเงินประมาณ 180,000 ล้านบาท เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ถือ LTF แปลงเป็นกองทุนรวมไทยเพื่อวามยั่งยืน หรือ TESG โดยจูงใจด้วยเงื่อนไขสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษี
เป้าหมายคือ การระงับยับยั้งแรงขาย LTF ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นตกมาตั้งแต่ต้นปี
ขณะที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์กำลังเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง เร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุนออกมาชุดใหญ่ ตั้งแต่เปิดให้โบรกเกอร์ทุกแห่งนำเซิร์ฟเวอร์เชื่อมตรงศูนย์ซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะทำให้การส่งคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยมีความรวดเร็ว เท่าเทียมนักลงทุนต่างชาติที่ใช้โปรแกรมเทรด หรือ ROBOT TRADE
ตามด้วยมาตรการลดภาษีกำไรของบริษัทจดทะเบียน การเปิดโอกาสให้ทำ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขาย โดยมาตรการ UPTICK RULE กำหนดใช้เฉพาะหุ้นใน SET100 จากเดิมที่ใช้กับหุ้นทุกตัว
และตลาดหลักทรัพย์จะประสานกับหน่วยงานและองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น หารือแนวทางกระตุ้นการลงทุนหุ้น
ความเคลื่อนไหวในเชิงบวกที่สำคัญมากคือ การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งช่วยให้ตลาดหุ้นไม่ตายสนิท หรือหงอยเหงาสุดขีด แต่ชวยพยุงไม่ให้ดัชนีปักหัวดิ่งลงเหวลึก และช่วยให้มูลค่าการซื้อขายขยับขึ้นมาวันละ 4-5 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้าที่เคยลดฮวบเหลือวันละ 2-3 หมื่นล้านบาท
เดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 โดยมียอดขายหุ้นสุทธิรวม 11,333 ล้านบาท แต่เดือนกุมภาพันธ์ ต่างชาติย่องกลับมาซื้อหุ้นคืน โดยซื้อวันละไม่มากนัก แต่ซื้อต่อเนื่อง จนมียอดซื้อหุ้นสะสมนับจากต้นเดือนกุมภาพันธ์จนสิ้นสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,564 ล้านบาท
เหตุผลเดียวที่ดึงให้ต่างชาติทยอยกลับมาเก็บหุ้นคืนคือ ราคาหุ้นตกลงมาในระดับที่สร้างแรงจูงใจ จนความเสี่ยงการลงทุนต่ำ และมีช่องว่างการทำกำไร
ไม่อาจคาดหวังได้ว่านักลงทุนต่างชาติจะยกทัพใหญ่กลับมาหรือไม่ เช่นเดียวกันไม่อาจคาดหวังแรงซื้อของต่างชาติว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือไม่
แต่สิ่งที่พอเบาใจกันคือ การเท การทุบหรือการถล่มขายหุ้นหนักๆ และต่อเนื่องของต่างชาติคงไม่เกิดขึ้นแล้ว
และถ้าต่างชาติไม่ขาย หุ้นจะสิ้นสุดรอบขาลงที่ยาวนานเสียที
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายคนเริ่มปรับมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นแล้ว และกลับมาแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บหุ้น โดยเฟ้นเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีรองรับเป็นเป้าหมายลำดับต้น
ตลาดหุ้นไทยซึมลงมานานจนลืมไปแล้วว่า ตลาดหุ้นขาขึ้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร บรรยากาศยามหุ้นคึกคักมีความสุข สนุกสนานเพียงใด
แต่สถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนไป ข่าวร้ายๆ เริ่มจางหาย ข่าวดีทยอยเข้ามา และถ้าได้เติมเต็มด้วยข่าวดีแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
ตลาดหุ้นไทยจะได้ออกแรงวิ่งกันเสียที
แสงสว่างหุ้นฟื้น ตอนนี้เริ่มเห็นกันรำไรแล้ว อดใจรอกันอีกเพียงนิดเดียว