การปรับบริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ในความผิดปล่อยให้ลูกค้าขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ หรือ NAKED SHORT ตกเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมอีกครั้ง ทั้งที่เป็นความผิดเก่า ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 และเคยตกเป็นข่าว ถูกตลาดหลักทรัพย์ลงโทษปรับไปแล้ว 1.05 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565
แต่การตกเป็นข่าวทำผิด NAKED SHORT ซ้ำสอง เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานการลงโทษปรับ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง จำนวน 1 แสนบาท ในความผิด NAKED SHORT ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564
และในวันเดียวกัน ก.ล.ต.ยังปรับ บล.เมย์แบงก์ ในความผิดระบบการจัดจำหน่ายหุ้นกู้บกพร่อง จำนวนเงิน 4.74 ล้านบาท ความผิดเกิดขึ้นระหว่างปี 2564 ถึง 2567
คดีที่ ก.ล.ต. ปรับ บล.เมย์แบงก์ ในความผิด NAKED SHORT เป็นคดีเดียวกับที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับเมื่อปี 2565
เพียงแต่ขั้นตอนการดำเนินการตามความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เมื่อตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบพบความผิด NAKED SHORT และลงโทษปรับไปแล้ว จะส่งเรื่องให้ ก.ล.ต.พิจารณาดำเนินการต่อ ซึ่งขั้นตอนพิจารณาลงโทษของ ก.ล.ต.มีความล่าช้า โดยใช้เวลาถึง 3 ปี จึงเพิ่งลงโทษปรับ จนนำไปสู่ความเข้าใจผิด
คิดว่า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ทำผิดซ้ำซาก ปล่อยให้ลูกค้าทำ NAKED SHORT อีก
ความผิดในการทำ NAKED SHORT เป็นความผิดร้ายแรง และตลาดหุ้นทั่วโลกกำหนดบทลงโทษหนัก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซึ่ง ก.ล.ต.เกาหลีใต้มีมาตรการตรวจสอบที่เข้มข้น และฟ้องแบงก์ HSBC ในความผิด NAKED SHORT เรียกค่าปรับนับหมื่นล้านวอน
แต่ศาลเกาหลีใต้เพิ่งมีคำตัดสิน ยกฟ้องแบงก์ HSBC เนื่องจากหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่า HSBC ทำ NAKED SHORT จริง
ในปี 2567 ปัญหา NAKED SHORT ในตลาดหุ้นไทยถูกจุดชนวนขึ้นมาโจมตีตลาดหลักทรัพย์ ในยุคนายภากร ปีตธวัชชัย เป็นกรรมการและผู้จัดการ โดยนักลงทุนลุกฮือเรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์ยกเลิกการยืมหุ้นมาขายหรือ SHORT SELL ห้ามซื้อขายด้วยโปรแกรม หรือ ROBOT TRADE
และเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำ NAKED SHORT เพราะเชื่อว่ายังมีการแหกกฎ ลักลอบทำ NAKED SHORT กันอยู่ ซึ่งนายภากร ยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า ไม่มีการทำ NAKED SHORT แล้ว และไม่ยอมยกเลิกโปรแกรมเทรด รวมทั้งการ SHORT SELL ซึ่งนักลงทุนเห็นว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นตกอย่างต่อเนื่อง
ข่าว NAKED SHORT เงียบหายไปพักใหญ่แล้ว หรือเงียบหายนับตั้งแต่นายภากรพ้นจากวาระ จนกระทั่ง ก.ล.ต.สั่งปรับ บล.เมย์แบงก์ เรื่องราว NAKED SHORT จึงถูกปลุกขึ้นมาใหม่ ทั้งที่เป็นความผิดเก่าตั้งแต่ปี 2563
บล.เมย์แบงก์ถือเป็นโบรกเกอร์ใหญ่ สัดส่วนมูลค่าซื้อขายหุ้นสูงอยู่ในอันดับต้นๆ ของโบรกเกอร์ด้วยกัน และแน่นอน ถ้าเมย์แบงก์แหกกฎ ปล่อยลูกค้าซึ่งมักเป็นนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ โดยเล่นโกง เอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ
บล.เมย์แบงก์ควรจะต้องถูกรุมประณาม เพราะชั่วโมงนี้ตลาดหุ้นกำลังซบเซาสุดขีด ถ้ามีการทำ NAKED SHORT จะเป็นการซ้ำเติมตลาดหุ้น และทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งแทบไม่เหลือความเชื่อมั่นใดๆ อยู่แล้ว
แต่ข้อเท็จจริงคือ บล.เมย์แบงก์ไม่ได้ทำ NAKED SHORT รายการใหม่ แต่เป็นความผิดเดิมที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เช่นเดียวกับ บล.เอเชีย เวลท์ และ บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ ซึ่งเคยมีความผิดถูกลงโทษปรับในการทำ NAKED SHORT คนละครั้งมาแล้ว
การถูกโจมตีเรื่อง NAKED SHORT ครั้งล่าสุดถือเป็นคราวซวยของ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เพราะทำความผิดเพียงครั้งเดียว แต่กลับถูกประณามซ้ำสอง