Chainalysis คาดการระบาดของ Romance scam หรือ “การหลอกให้รัก” และการที่เหล่าอาชญากรไซเบอร์ใช้ประโยชน์จาก generative AI โกงกันเป็นขบวนการ ส่งผลให้รายได้จากการฉ้อโกงคริปโตในปี 2024 มีแนวโน้มสร้างสถิติใหม่ทะลุ 12,000 ล้านดอลลาร์
ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสฯ (13 ก.พ.) Chainalysis ระบุว่า กระเป๋าเงินคริปโตที่เชื่อมโยงกับการหลอกลวงได้รับคริปโตถึง 9,900 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 และคาดว่า ตัวเลขตลอดปีที่ผ่านมาอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12,400 ล้านดอลลาร์เมื่อบริษัทตรวจพบกระเป๋าเงินที่ใช้หลอกลวงได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น Chainalysis ยังประเมินว่า กิจกรรมการหลอกลวงเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 24% นับจากปี 2020
ตามรายงานประจำปี 2024 เหตุผลหลักที่ทำให้รายได้จากการหลอกลวงเพิ่มขึ้นคือ การระบาดของ Romance scam หรือที่เรียกกันว่า Pig Butchering หรือ “การเชือดหมู”
การเชือดหมูเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งหรือการหลอกให้รักที่มิจฉาชีพจะสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหรือแอปหาคู่ เพื่อปอกลอกเงินจากเหยื่อผ่านโอกาสการลงทุนปลอม
ปี 2024 รายได้จากการเชือดหมูเพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากปีก่อนหน้า โดยจำนวนเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประเภทนี้เพิ่มขึ้นเฉียด 210%
นอกจากนั้นสแกมเมอร์หรือนักต้มตุ๋นยังเริ่มพุ่งเป้าที่คนว่างงานด้วยข้อเสนอปลอมในการชวนทำงานจากที่บ้าน ซึ่งแม้สร้างรายได้น้อยกว่าแต่กำไรเร็วกว่าการหลอกให้รัก
แม้การเชือดหมูส่วนใหญ่มีที่มาจากแก๊งฉ้อโกงขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ขณะนี้มีสัญญาณบ่งชี้ว่า กลุ่มอาชญากรประเภทนี้เริ่มกระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น
ตัวอย่างเช่นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รอยเตอร์รายงานว่า หน่วยงานต่อต้านการทุจริตของไนจีเรียจับกุมผู้ต้องสงสัย 792 คนจากการบุกค้นตึกแห่งหนึ่งซึ่งเชื่อว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นใช้เป็นศูนย์บัญชาการ Romance scam ที่พุ่งเป้าเหยื่อจากยุโรปและอเมริกาเป็นหลัก
การหลอกให้รักมักบังคับเหยื่อการค้ามนุษย์ให้ทำการฉ้อโกง การสอบสวนของ ProPublica ในปี 2022 พบว่า แก๊งอาชญากรในจีนส่งเหยื่อการค้ามนุษย์ไปยังคอลล์เซ็นเตอร์ในกัมพูชา ลาว และพม่า และใช้ความรุนแรงบังคับให้เหยื่อเหล่านั้นทำการฉ้อโกงทางไซเบอร์
Chainalysis รายงานว่า การฉ้อโกงและการหลอกลวงคริปโตมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จากการดำเนินการของแก๊งอาชญากร เช่น Huione Guarantee ซึ่งเป็นฟอรัมออนไลน์และตลาดแบบ peer-to-peer (P2P) ที่ทำหน้าที่เป็น “ร้านค้าครบวงจร” สำหรับมิจฉาชีพที่ต้องการซื้อขายเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรสำหรับการหลอกลวง อาทิ บัญชีโซเชียลมีเดีย บริการสร้างคอนเทนต์ บริการเว็บโฮสติ้ง ซอฟต์แวร์ AI และหนึ่งในบริการหลักที่โฮสต์บนแพลตฟอร์มนี้คือ การฟอกเงิน
ปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการหลอกลวงบน Huione มีรายได้เป็นคริปโตอย่างน้อย 375.9 ล้านดอลลาร์
แพลตฟอร์มภาษาจีนนี้เชื่อมโยงกับกลุ่มกิจการ Huione Group ของกัมพูชาที่ให้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การโอนเงินระหว่างประเทศ ประกันภัย หรือแม้แต่ท่องเที่ยวระดับหรูหราในอดีต
นับจากปี 2021 Huione Guarantee ประมวลผลธุรกรรมคริปโตเป็นมูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์ โดยข้อมูลบนเครือข่ายบล็อกเชนบ่งชี้ว่า โปรเจ็กต์คริปโตผิดกฎหมายมากมายเลือกใช้แพลตฟอร์มนี้
รายงานสำทับว่า เมื่อเปรียบเทียบการไหลเวียนของคริปโตระหว่างปี 2021-2024 โดยอิงกับอัตราเติบโตต่อปีของแก๊งล่อลวงแห่งหนึ่งพบว่า ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการหลอกหลวงของ Huione มีรายได้เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ให้บริการ AI ที่มีรายได้พุ่งขึ้นถึง 1,900% จากการใช้ AI อำนวยความสะดวกในการฉ้อโกง
การเติบโตนี้บ่งชี้ว่า มีการใช้เทคโนโลยี generative AI มากขึ้นในการอำนวยความสะดวกสำหรับกลโกงคริปโต ซึ่งสแกมเมอร์มักใช้เทคโนโลยีนี้ในการสร้างภาพหรือวิดีโอ hyper-realistic ที่ดูเหมือนจริงมากเพื่อแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นหรือสร้างคอนเทนต์ที่ดูเหมือนจริงเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ลงทุน
อีลัด ฟูคส์ ผู้นำฝ่ายผลิตภัณฑ์ปลอมของ Chainalysis และผู้ร่วมก่อตั้งแอปตรวจสอบการฉ้อโกง Alterya บอกว่า มีการนำ generative AI ไปใช้เพื่อทำให้การโจมตีของสแกมเมอร์น่าเชื่อถือมากขึ้นและตรวจสอบได้ยากขึ้น
ผู้ให้บริการบน Huione บางรายโฆษณา “บริการเปลี่ยนหน้า” สนนราคา 200 ดอลลาร์ที่กำหนดให้จ่ายด้วยคริปโต
รายงานเสริมว่า ปีที่แล้ว ลาซารัส ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์คริปโตชื่อดังของเกาหลีใต้ได้โอนคริปโตมูลค่า 150,000 ดอลลาร์ไปยังแอปชำระเงินของ Huione และ Chainalysis สรุปว่า Huione Guarantee เป็นผู้ขับเคลื่อนและดำเนินการระบบนิเวศการฉ้อโกงขนาดใหญ่ที่มีการขยายตัวต่อเนื่องและเชื่อมโยงกัน
อย่างไรก็ดี ข้อความบนเว็บไซต์ที่เป็นภาษาจีนและได้รับการแปลโดยซีเอ็นบีซีระบุว่า Huione Guarantee ไม่มีส่วนร่วมหรือรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า และมีหน้าที่รับผิดชอบเพียงรับประกันการชำระเงินระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น
ช่วงไม่กี่ปีมานี้คริปโตมีมูลค่าพุ่งขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจากโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า คณะบริหารชุดใหม่จะมีนโยบายที่เป็นมิตรกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น
Chainalysis ยังตั้งข้อสังเกตว่า ปีที่ผ่านมามีกลโกงคริปโตแบบอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น การปลอมแปลงที่อยู่กระเป๋าเงิน, crypto drainer ที่สแกมเมอร์อ้างตัวเป็นโปรเจ็กต์บล็อกเชนและเข้าควบคุมกระเป๋าเงินคริปโตของเหยื่อ การหลอกลงทุนที่ให้สัญญาว่าให้ผลตอบแทนสูง การหลอกลวงผ่านไลฟ์สตรีม และการข่มขู่กรรโชกทางเพศ
รายงานทิ้งท้ายว่า ตู้เอทีเอ็มคริปโตเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในการฉ้อโกง โดยมิจฉาชีพมักปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า และโน้มน้าวให้เหยื่อฝากเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม