หลังจากเงียบอยู่พักใหญ่ ปล่อยให้ตลาดหุ้นจมปลักกับความตกต่ำสุดขีด นักลงทุนบาดเจ็บล้มตามกันเป็นเบือ นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงลุกขึ้นมาพูดถึงแนวทางการกระตุ้นการลงทุน เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยการฟื้นกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF ขึ้นมาใหม่
มาตรการฟื้น LTF ของนายพิชัย ออกมาถูกที่ถูกเวลา สามารถเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติกลับมาระดับหนึ่ง และกระตุ้นให้ตลาดหุ้นซึ่งอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซาสุดขีด กลับสู่ความคึกคักทันที เมื่อวันศุกร์ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,283.97 จุด บวก 13.48 จุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 1,008.29 ล้านบาท
ดัชนีหุ้นที่ปักหัวลงจากต้นปี โดยลงจากจุดปิดสิ้นปี 2567 ที่ระดับ 1,400.21 จุด ลงมาแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,252 จุด หรือลงม้วนเดียวเกือบ 150 จุด เกิดจากเหตุผลเดียว
ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุน LTF ที่ถือหน่วยลงทุนครบ 7 ปีปฏิทิน และสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ โดยไม่ถูกตัดสิทธิเรื่องการลดหย่อนภาษี ได้ทยอยขายหน่วยลงทุน LTF ออกมา
คาดกันว่าในเดือนมกราคมมีการขายคืนหน่วยลงทุน LTF ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งมากพอที่จะกดตลาดหุ้นให้จมดิ่ง เพราะแรงซื้อในตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะอ่อนล้าเต็มที โดยนักลงทุนรายย่อยซื้อเก็บหุ้นจนเงินไม่เหลือ ต่างชาติก็ยังไม่กลับมาเต็มตัว ขณะที่กองทุนวายุภักษ์เงินก็เหลือน้อยแล้ว
แรงขายของ LTF เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้ตลาดหุ้นทรุดหนัก ทั้งที่ตลาดหุ้นต่างประเทศคึกคักปรับตัวขึ้น จนตลาดหุ้นไทยถูกจัดอันดับตลาดหุ้นที่ผลตอบแทนตกต่ำที่สุดในโลกนับจากต้นปี และหากไม่หยุดแรงขาย LTF หุ้นอาจหมดโอกาสโงหัว
เพราะ LTF ที่ครบกำหนดขายคืนหน่วยลงทุนได้ ยังมีเหลืออีกประมาณ 180,000 ล้านบาท
การประกาศฟื้น LTF ครั้งใหม่ จึงกลายเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ และยับยั้งแรงขายของ LTF ได้ทันที
แนวทางการหยุดแรงขาย LTF กระทรวงการคลังจะนำเงินกองกองทุน LTF ที่ครบกำหนด โดยเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุน นำหน่วยลงทุนมาแปลงสภาพเป็นกองทุนรวมหุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ TESG ซึ่งจะได้รับการลดหย่อนภาษี โดยอาจถือหน่วยลงทุนในเวลา 5 ปีปฏิทิน จึงขายคืนหน่วยลงทุนได้
การเปิดทางเลือกที่ดีให้นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุน LTF ทำให้แรงขายของ LTF ชะลอลง และถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ในยามที่ขาดแคลนข่าวดี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติแห่กลับมาไล่ซื้อหุ้นคืน และพลิกฟื้นให้ดัชนีดีดตัวกลับสู่ความเขียวสดใส
เพียงแต่การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจะยืนระยะได้ยาวนานขนาดไหนเท่านั้น
เพราะมาตรการฟื้น LTF เพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นตลาดหุ้นให้กลับสู่ขาขึ้น และไม่สามารถปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะยาวได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเพิ่มเติมตามมา
กระทรวงการคลังคงประเมินได้แล้วว่า จำเป็นจะต้องหามาตรการกระตุ้นการลงทุนระยะยาว เพราะถ้าไม่มีมาตรการใดช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ตลาดหุ้นคงตกอยู่ในสภาพตายซากที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้า
การขยับผลักดันแผนฟื้น LTF เพียงประเด็นเดียว เห็นผลชัดเจนว่า ได้รับการตอบรับจากตลาดหุ้นอย่างไร อย่างน้อยก็ช่วยดึงให้นักลงทุนหลุดจากขุมนรก
แต่นายพิชัยอย่าเพิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องในผลงาน เพราะยังมีภารกิจ ต้องผลักดันมาตรการใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อฟื้นฟูตลาดหุ้นให้กลับมาสู่ความสดใสในระยะยาว
เพราะ LTF เป็นเพียงมาตรการหยุดวิกฤตตลาดหุ้น