นับตั้งแต่มีคดีปั่นหุ้น คดีปั่นหุ้นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ประกาศกล่าวโทษล่าสุด น่าจะเป็นคดีที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุนน้อยที่สุด เพราะแม้จะมีพฤติกรรมปั่นหุ้นถึง3 บริษัท และอีก 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แร้นต์ แต่ถูกลงโทษปรับเพียง 4 ล้านบาทเศษเท่านั้น
และนักปั่นหุ้นคดีนี้ ลงมือปฏิบัติการมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ตั้งเป็นแก๊งหรือปั่นกันเป็นขบวนการ
เมื่อวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งนายเพชรดนัย ชาญหัตถกิจ ในความผิดกรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย หุ้นบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM หุ้นบริษัท ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ F&D
ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แร้นต์ บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3 หรือ TVDH-W และหุ้นบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR โดยเรียกให้ชำระเงินรวม 4,614,013 บาท รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
ก.ล.ต.ตรวจสอบพบว่า นายพชรดนัย ได้ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะสร้างราคา เป็นผลให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้ง 4 หลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
พฤติการณ์ของนายพชรดนัย กรณีหุ้น ABM อยู่ระหว่างวันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2566 กรณีหุ้น F&D วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 กรณี TVDH-W3 ระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2566 และกรณี AMR ระหว่างวันที่ 28 – 29 สิงหาคม 2566 โดยเป็นการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะต่อเนื่องกัน
นอกเหนือจากกำหนดให้ชำระค่าปรับแล้ว จะห้ามนายเพชรดนัยซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมเป็นเวลา 24 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ รวมเป็นเวลา 48 เดือน
ก.ล.ต.ใช้เวลาเพียงปีเศษ สามารถรวบรวมหลักฐาน จนกล่าวโทษนายเพชรดนัยได้ จึงถือเป็นคดีหุ้นปั่นที่ใช้เวลาสั้นมาก โดยพยานหลักฐานอาจไม่มีความซับซ้อน และการปั่นหุ้น เกิดจากการกระทำของคนเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
เพราะพฤติกรรมการปั่น มักจะเกิดขึ้นเป็นขบวนการ ร่วมมือกันหลายคน เพื่อสร้างภาพลวงตาหลอกนักลงทุน แต่นายดนัยสามารถปั่นหุ้นถึง 3 ตัวและ 1 วอร์แร้นต์ ภายในระยะเวลาใกล้เคียงกัน และสามารถปั่นราคาขึ้น จนทำกำไรได้ สะท้อนให้เห็นว่า ABM F&D AMR และ TVDH-3 ในช่วงที่มีการปั่น เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องการซื้อขายต่ำมาก และเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้าไปเล็กน้อย ก็สามารถผลักดันราคาขึ้นได้แล้ว
เพราะนายเพชรดนัยไม่น่าจะกำลังเงินมากนักในการสร้างราคาหุ้น และดูจากค่าปรับจำนวน 4.61 ล้านบาทแล้ว แสดงว่า นายเพชรดนัย ทำกำไรจากการปั่นหุ้น 3 ตัวและ 1 วอร์แร้นต์ รวมแล้วได้เพียงประมาณ 2.3 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากค่าปรับการปั่นหุ้น จะประเมินจากการทำกำไรที่ได้มาโดยการปั่นและคูณด้วย2 หรือปรับสองเท่าของกำไรที่ได้จากการปั่นหุ้น
คดีปั่นหุ้นของนายเพชรดนัย ถือเป็นคดีปั่นหุ้นที่กระจอกที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือสร้างผลกระทบกับนักลงทุนน้อยที่สุด เพราะผลได้เสียเป็นเงินเพียงไม่กี่ล้านบาท และราคาหุ้นช่วงนั้น คงไม่ขึ้นลงร้อนแรงมากนัก ซึ่งนักลงทุนทั่วไป อาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่า มีการปั่นหุ้น ABM F&D AMR และ TVDH-W
ปัจจุบัน หุ้นทั้ง 4 บริษัท ตกอยู่ในสภาพตายซากคากระดานหุ้น เพราะแทบไม่มีการซื้อขาย หมดความเคลื่อนไหว ไม่อยู่ในสายตานักลงทุน
และเป็นอีกบทเรียนของตลาดหลักทรัพย์ ในการทบทวนนโยบายรับบริษัทเข้าจดทะเบียน อย่าได้แต่หลับหูหลับตารับหุ้นใหม่ สุดท้ายกลายเป็นหุ้นตายซาก ทิ้งความเสียหายไว้ให้นักลงทุน