นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวยอมรับว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นมีความผันผวน โดยทางตลาดหลักทรัพย์พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเข้าพบ รมว.คลัง เพื่อรอหารือแผนกระตุ้นระยะสั้นช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ซึ่งทางกระทรวงคลังได้สอบถามถึงเงินคงค้างกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ขณะที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้เสนอกระทรวงคลังให้ปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) ให้มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยทั้งหมด เหมือนกองทุน LTF ในอดีต เพราะปัจจุบัน กอง ThaiESG ไม่ค่อยได้ช่วยตลาดหุ้นไทย เพราะส่วนใหญ่ไปลงทุนตลาดตราสารหนี้
อย่างไรก็ดี ในระยะกลาง ตลท.ได้ออกโครงการ Jump+ น่าจะเห็นผลใน 3 ปี
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยที่รับ Sentiment ต่างประเทศมากกว่า และแรงขายกองทุน LTF เป็นแรงกดดันตลาด แต่ในสภาพตลาดเช่นนี้ยังมีหุ้น under value และเห็นแนวโน้มการซื้อหุ้นคืนของ บจ.หลังบางบริษัทเห็นว่าราคาไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
ตลท.ต้องการสร้าง good story เพื่อให้อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนต่างชาติ อย่างเช่น โครงการ Jump+ ที่จะช่วยทำให้มีหุ้นไทยดีๆ เข้ามาเติมในตลาด โดยตั้งแต่ต้นปี 68 ที่ดัชนีตลาดปรับตัวลงต่อเนื่อง ตลท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เงินลงทุนกระจุกตัวอยู่ในหุ้น AI เพียงไม่กี่ตัว มีโอกาสเกิดปรับฐานครั้งใหญ่ อีกทั้งความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจต้องปรับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าคาด ส่งผลต่อทิศทางฟันด์โฟลว์เคลื่อนย้ายออกจากสหรัฐฯ กลับมายัง Emerging Market รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจจากการที่เป็นตลาดที่มีความผันผวนต่ำ โดยพิจารณาจากค่า End of day volatility ของ SET Index สาเหตุหนึ่งมาจากเป็นตลาดหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทน dividend yield สูงอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2000 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 3.14% จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่มีลักษณะ Defensive Stock