นายโจ กรูเตอร์ส (Joe Gruters) วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันแห่งรัฐฟลอริดา ได้เสนอร่างกฎหมายให้รัฐจัดสรรเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในบิทคอยน์ และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่กำลังกัดกร่อนอำนาจซื้อของกองทุนที่รัฐบริหารอยู่ โดยข้อเสนอนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของหลายรัฐในสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณานำบิทคอยน์ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารเงินสำรองของรัฐ
ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกเสนอต่อวุฒิสภาแห่งรัฐฟลอริดาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยกรูเตอร์ส ให้เหตุผลว่าบิทคอยน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เขายังชี้ให้เห็นว่าบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น BlackRock, Fidelity และ Franklin Templeton ได้ยอมรับบิทคอยน์ในฐานะแหล่งเก็บมูลค่าและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อแล้ว
ร่างกฎหมายเสนอให้ CFO ของรัฐฟลอริดามีอำนาจลงทุนในบิทคอยน์
ภายใต้ร่างกฎหมายนี้ จิมมี่ พาโทรนิส (Jimmy Patronis) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของรัฐฟลอริดา จะได้รับอำนาจให้ลงทุนในบิทคอยน์ผ่านกองทุนต่าง ๆ ของรัฐ เช่น กองทุนสำรองทั่วไป กองทุนรักษาเสถียรภาพงบประมาณ และกองทุนทรัสต์ของหน่วยงานที่เลือก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในบิทคอยน์จะถูกจำกัดไว้ไม่เกิน 10% ของสินทรัพย์ในบัญชีใดๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐอื่นๆ เช่น รัฐไวโอมิงที่เสนอร่างกฎหมายคล้ายกัน แต่กำหนดเพดานการลงทุนในบิทคอยน์ไว้ที่ 3% เท่านั้น ส่วนรัฐเคนตักกี้เพิ่งกลายเป็นรัฐที่ 16 ที่เสนอร่างกฎหมายสนับสนุนการสำรองบิทคอยน์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเวลาเพียงหนึ่งวันก่อนที่ร่างกฎหมายของกรูเตอร์สจะถูกยื่น
แนวโน้มการลงทุนบิทคอยน์ของรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ
ข้อเสนอของกรูเตอร์สเกิดขึ้นหลังจากที่พาโทรนิสเคยเสนอแนะให้รัฐฟลอริดาพิจารณาลงทุนในบิทคอยน์ สำหรับกองทุนเกษียณอายุของรัฐเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยพาโทรนิสเรียกบิทคอยน์ว่าเป็น "ทองคำดิจิทัล" ที่สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและป้องกันความผันผวนของสินทรัพย์แบบดั้งเดิมได้
นอกจากฟลอริดาแล้ว รัฐมิสซูรีก็กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่คล้ายกัน โดยผู้แทนรัฐเบน คีธลีย์ (Ben Keathley) ได้เสนอร่างกฎหมายหมายเลข 1217 (HB 1217) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เพื่อจัดตั้งกองทุน Bitcoin Strategic Reserve Fund ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อของสกุลเงินเฟียตและกระจายพอร์ตการลงทุนของรัฐ
ยูทาห์ใกล้เป็นรัฐแรกที่สำรองบิทคอยน์
รัฐยูทาห์กำลังก้าวใกล้สู่การเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่จะสำรองบิทคอยน์อย่างเป็นทางการ หลังจากร่างกฎหมายหมายเลข 230 ผ่านสภาผู้แทนราษฎรของรัฐไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และกำลังรอการพิจารณาจากวุฒิสภา ร่างกฎหมายนี้เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จอร์แดน เทอัสเชอร์ (Jordan Teuscher) ซึ่งจะอนุญาตให้เหรัญญิกของรัฐจัดสรรเงินภาครัฐสูงสุด 5% ไปลงทุนใน Bitcoin, stablecoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ
จากข้อมูลของ bitcoinlaws.io ปัจจุบันมี 17 รัฐในสหรัฐฯ ที่กำลังหารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับการสำรองบิทคอยน์โดยรัฐที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายคล้ายกัน ได้แก่ แอริโซนา เคนตักกี้ นิวแฮมป์เชียร์ นอร์ทดาโคตา ไวโอมิง และเซาท์ดาโคตา
บางรัฐยังไม่พร้อมรับแนวคิดนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกรัฐที่จะยอมรับแนวคิดการลงทุนในบิทคอยน์เช่น รัฐนอร์ทดาโคตา ที่สมาชิกรัฐสภาได้ปฏิเสธร่างกฎหมาย HB1184 ซึ่งเสนอให้อนุญาตการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและโลหะมีค่า โดยร่างกฎหมายดังกล่าวถูกปัดตกไปด้วยคะแนนเสียง 32 ต่อ 57 เมื่อวันที่ 31 มกราคม
ETF Bitcoin สหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2568
ในขณะเดียวกัน ตลาดบิทคอยน์ยังได้รับแรงหนุนจากกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin (ETF) ของสหรัฐฯ ที่มีเงินไหลเข้าเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว แมตต์ โฮแกน (Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน (CIO) ของ Bitwise ระบุว่า ETF ของบิทคอยน์ดูดซับเงินลงทุนถึง 4.94 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม ซึ่งหากอัตรานี้ดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี อาจทำให้เงินไหลเข้าแตะระดับ 59 พันล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้น
อย่างไรก็ดีแนวโน้มการลงทุนในบิทคอยน์ของรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและกระจายพอร์ตการลงทุน แม้ว่าบางรัฐยังคงมีความลังเลใจในการนำแนวคิดนี้มาใช้ก็ตาม