ศักยภาพ 'เชียงใหม่' เติบโตต่อเนื่อง มีสถานทูตสหรัฐฯ ใหญ่แห่งใหม่ สร้าง “สนามบิน” แห่งที่ 2 เส้นรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสู่จังหวัด พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 68 เดินหน้าลุยอสังหาฯ เชียงใหม่-ภูเก็ต เตรียมเปิดเบื้องต้น 3 โครงการใหม่ 'HABITAT' 'THE ASTRA' และคอมมูนิตีมอลล์ครบวงจร THE BACKYARD มูลค่ารวม 2,148 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อกแน่น 1,763 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 69 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,218 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 60% พร้อมรับศักยภาพตลาดโรงเรียนนานาชาติ มั่นใจ Mill Hill International School Thailand พร้อมเปิดการเรียนการสอนเฟสแรก ก.ย.68 ธุรกิจ S-Curveใหม่ รายได้หนุนพอร์ตรวมเติบโตแข็งแกร่ง
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ "ORN" กล่าวถึงการขยายตัวของจังหวัดเชียงใหม่ว่า มีการเติบโตจากภาคการท่องเที่ยว สถิติมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนกว่า 6-7 ล้านคนต่อปี หลักๆ เป็นชาวจีน เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และอเมริกา ส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้มีรายได้มากถึง 40% ของทั้งจังหวัด ซึ่งมีนักลงทุนต่างเข้ามาในจังหวัด และเป็นลูกค้าของบริษัทอรสิรินฯ ด้วย
รวมถึงมีการลงทุนของภาคเอกชนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯได้มีการสร้างกงสุลใหม่บนถนนเส้นเชียงใหม่ไป จ.ลำปาง คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกินไตรมาส 2 ของปี 68 บ่งบอกศักยภาพของเชียงใหม่ได้ดี โครงการพัฒนาท่าอากาศยานล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ (ทชม.) เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา และไฟลต์บินในแต่ละวันที่เพิ่มสูงขึ้น และแผนระยะยาว การก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเป็นส่วนต่อขยายจากจังหวัดพิษณุโลก-เชียงใหม่ 288 กม. มูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท
"ตราบใดที่จังหวัดเชียงใหม่มีความเจริญ ได้รับความสนใจจากคนทั้งโลก สิ่งเหล่านี้จะทำให้อรสิริน อยู่ในตลาด อยู่ในธุรกิจอสังหาฯได้อย่างเต็มภาคภูมิ รวมถึงการขยายไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ" นายบุญเลิศ กล่าว
นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตเต็มกำลัง โดยมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบ แนวสูง ระดับกลาง-บน ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติได้อย่างครอบคลุม โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,148 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการแนวราบ HABITAT บ้านหรูสไตล์ Neo Classic มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท เปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568
2.โครงการคอนโดมิเนียม THE ASTRA คอนโดฯ ระดับลักชัวรี บนทำเลศักยภาพ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท เปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568
3.โครงการคอมมูนิตีมอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตร.ม. มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท ศูนย์กลางใหม่แห่งการชอปปิ้งและการพักผ่อนครบวงจร ภายในโครงการประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ และพื้นที่การศึกษา บนอาคาร 2 ชั้น พร้อมให้บริการภายในไตรมาส 4/2568
ส่วนงบประมาณลงทุนปีนี้อยู่ที่ 2,595 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนซื้อที่ดินใน จ.เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 500 ล้านบาท งบรองรับการพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 1,469 ล้านบาท และงบปรับปรุงการดำเนินงานการก่อสร้างให้สอดรับต่อการดำเนินการด้าน ESG จำนวน 626 ล้านบาท
นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังสามารถขยายตัวต่อได้ ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาฯ เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเช่าอสังหาฯ ในประเทศไทยระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มากขึ้น
ORN ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความท้าทาย และสร้างโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นพัฒนาบ้านและคอนโดฯ ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ การให้ความสำคัญด้านการออกแบบพื้นที่สอดคล้องกับทุกไลฟ์สไตล์และความปลอดภัยด้านสุขภาพ พัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลยุทธ์การตลาดส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้นและการบริการหลังการขาย อีกทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยผสานแนวคิดด้าน ESG ในการกำหนดนโยบายแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบ-แนวสูงทุกโครงการ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย
ทั้งนี้ โครงการแนวราบ-แนวสูงกลุ่มราคาระดับกลาง-บน ยังคงมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ แม้ตลาดอสังหาฯเชียงใหม่จะเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ORN มั่นใจในศักยภาพการแข่งขัน ด้วยคุณภาพของโครงการที่ตอบโจทย์ด้านการออกแบบให้รองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว พิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน การกำหนดราคาที่เหมาะสม-คุ้มค่า เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพแก่ลูกค้า
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างขาย รอบวงแหวนกลางทำเลแห่งที่อยู่อาศัยทั้งหมด 27 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 14 โครงการ แนวสูง 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,551 ล้านบาท และมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,763 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 -69 โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 60%
สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand โรงเรียนสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ มีเป้าหมายนำปรัชญาและคุณค่าตามมาตรฐานการศึกษาระดับโลก เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ
"จังหวัดเชียงใหม่ อันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ที่ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติเติบโตอย่างมาก มีโรงเรียนและนักเรียนมาศึกษาในจังหวัดเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน มาปูพื้นการศึกษาก่อนที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอีกที และแนวโน้มจะมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเรียนไม่สูง ค่าครองชีพไม่มากเท่ากับอยู่ต่างประเทศ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี"
ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ ประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 อาคาร มีนักเรียนให้ความสนใจสมัครแล้วกว่า 130 ราย และอยู่ระหว่างการคัดเลือกคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ โดยจะรองรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 3 ถึง 10 ปี มีกำหนดเปิดทำการในเดือนกันยายนปี พ.ศ.2568 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-Year 6 ซึ่งจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป พร้อมแผนขยายไปยังระดับ Year 13 ในอนาคต ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ สร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว