ตั้งแต่เข้ามาซื้อขายเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 หุ้นบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ทะยานขึ้นต่อเนื่อง จนถูกมองว่า เป็นหุ้นกลุ่มร้านอาหารที่ราคาแพง เมื่อเทียบกับหุ้นร้านอาหารด้วยกัน แต่หลังประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2567 หุ้นถูกถล่มขาย จนราคาทรุดติดฟลอร์ 30% เป็นครั้งแรก
OKJ เจ้าของร้านอาหารโอ้กะจู๋ ซึ่งมี 57 สาขาทั่วประเทศ ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ผ่านตลาดหลักทรัพย์หลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 39.30 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 3 ประมาณ 35% แต่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนประมาณ 7%
ผลประกอบการที่โตต่ำกว่าความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เนื่องจากต้นทุนการขายเพิ่มขึ้น และจุดชนวนการเทขายหุ้น OKJ ทันทีที่เปิดการซื้อขายวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ จนราคาดิ่งลงแรง ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ราคา 10.90 บาท ลดลง 4.70 บาท หรือลดลง 30.13% มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 1,228.14 ล้านบาท
ตัวเลขผลกำไร OKJ ในปี 2567 ไม่ได้เลวร้ายนัก โดยมีกำไรสุทธิ 201.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 140.65 ล้านบาท เพียงแต่ผลกำไรไตรมาสที่ 4 ที่เติบโตต่ำกว่าความคาดหมาย ทำให้นักลงทุนผิดหวัง และชงเทขายหุ้นออกมา ลดความเสี่ยงจากการปรับตัวลงตามผลประกอบการ
OKJ เป็นหุ้นร้านอาหารตัวแรกที่มีการซื้อขายคึกคักมากที่สุด เมื่อเทียบกับหุ้นร้านอาหารด้วยกัน โดยหลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคา 6.70 บาท ประเดิมซื้อขายวันแรกราคาปิดที่ 12.40 บาท สูงกว่าราคาจอง 5.70 บาท หรือสูงกว่าจอง 85.07% หลังจากนั้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น และกลายเป็นหุ้นร้านอาหารน้องใหม่ที่มีความโดดเด่น ราคาและมูลค่าการซื้อขายไม่มีแผ่วนับจากเข้าซื้อขาย
OKJ ถูกไล่ขึ้นไปจนราคาสูงสุดที่ 17 บาท เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะอ่อนตัวลงมา และเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 15 บาทเศษ โดยนักลงทุนเฝ้ารอคอยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 แต่ตัวเลขผลกำไรที่ออกมากลับพลิกความคาดหมาย ซึ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางคน แนะนำให้นักงทุนขายออก เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับฐานราคา
แรงขายจึงไหลทะลักเข้ามาตั้งแต่เปิดการซื้อขายวันศุกร์สุดสัปดาห์ จนราคาถอยกลับไปไกลมาก โดย OKJ ราคาเคยต่ำสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม หรือวันที่หุ้นเข้าซื้อขายครั้งแรก โดยระหว่างชั่วโมงซื้อขายลงไปต่ำสุดที่ 10.10 บาท และตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยเห็น OKJ ราคาระดับ 10 บาทอีกเลย จนกระทั่งหลังประกาศงบไตรมาสที่ 4
หลายเดือนที่ OKJ ค่อยๆ สร้างฐานขึ้นมา เพราะมองว่า เป็นหุ้นร้านอาหารที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อยู่ในกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่รักสุขภาพ นักลงทุนจึงทยอยเข้าสะสม แต่ผลประกอบการที่ผิดคาดเพียงไตรมาสเดียว ได้ถล่มหุ้นจนราคาดิ่งจมดิน และทำให้นักลงทุนจำนวนมากติดอยู่ยอดดอย เพราะขายหนีไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางส่วนยังมีมุมมองในเชิงบวก จากราคาทีปรับตัวลงมาลึก ถอยหลังกลับสู่จุดเริ่มต้นวันที่หุ้นเข้าซื้อขาย โดยประเมินแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 ยังเติบโต และราคาที่ปรับฐานลงมา เป็นโอกาสเก็บสะสมหุ้น
แต่ OKJ แม้ทรุดลงติดฟลอร์ 30% ค่าพี/อี เรโช ยังอยู่ที่ระดับ 32 เท่า และเป็นหุ้นร้านอาหารที่ราคาอยู่ในเกณฑ์แพงในระดับหนึ่งเหมือนกัน