เบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ อสังหาฯ ชั้นนำจากประเทศอังกฤษประกาศเปิดตัว “TRILLIUM” London W2, Zone 1 คอนโดมิเนียมหรูบนทำเลศักยภาพ ย่าน Prime Central London เจาะกลุ่มนักลงทุน ชูผลตอบแทนสูงราคาเริ่ม 28.6 ล้านบาท คาดยอดขายจากนักลงทุนไทยกว่า 20% มั่นใจตลาดลอนดอนยังน่าลงทุน
น.ส.ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีเอ็นลักซ์ ลิฟวิ่งส์ จำกัด กล่าวว่า “เบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้สร้างบ้านจากประเทศอังกฤษ เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในลอนดอนและเขต South East ของอังกฤษ ได้เปิดตัวโครงการ “TRILLIUM” London W2, Zone 1 คอนโดมิเนียมหรูบนทำเล Prime Central London โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทคือกลุ่มนักลงทุนและอยู่อาศัย โดยมีราคาเริ่มต้น 675,000 ปอนด์ หรือ 28.6 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดโครงการ TRILLIUM London W2, Zone 1 ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการทั้งหมด 3 ไร่ จำนวน 3 อาคาร รวมทั้งหมด 556 ยูนิต แบ่งออกเป็นแบบ Manhattan 1-3 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 40-109 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น £675,000 หรือ 28.6 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2028
นายฌอน บาร์เร็ตต์ กรรมการผู้จัดการ และ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟายน์ แอนด์ คันทรี กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาฯ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในปี 2568 ว่า ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคาอสังหาฯ อาจจะปรับตัวขึ้นประมาณ 2-4% หากเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวและธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้ซื้อและนักลงทุน โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองและพื้นที่ที่มีการคมนาคมสะดวก เช่น
ย่านธุรกิจสำคัญและพื้นที่ใกล้ระบบรถไฟใต้ดิน รวมถึงโครงการ Cross rail ที่ยังคงดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อและนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาฯ ในลอนดอนยังมีความแตกต่างกันในแต่ละโซน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองและพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานดียังคงมีดีมานด์สูงและราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ย่านชานเมืองมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว หากเศรษฐกิจอังกฤษมีเสถียรภาพและฟื้นตัวจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อReal Demand กลุ่มคนทำงาน นักศึกษาต่างชาติ และนักลงทุน (Investor) แถบเอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงให้ความสนใจตลาดอสังหาฯ ในลอนดอน และกลุ่มอสังหาฯ ระดับหรู (luxury property) โดยเฉพาะโครงการเพื่อการลงทุน
ขณะเดียวกัน ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีข้อจำกัด ทั้งการปรับตัวตามต้นทุนและการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น โดยการเติบโตของรายได้จะช่วยให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้ในปีนี้ ทั้งนี้มองว่าปัจจัยและโอกาสในการลงทุนเช่าในลอนดอนยังมีแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากลอนดอนมีความต้องการ (Demand) การเช่ามากกว่าซัปพลาย (Property Supply) ที่มีอยู่ในตลาด ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Yield Guarantee) เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะย่าน Prime Central London (อ้างอิงจากผลประกอบการของโครงการ West End Gate) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับตั้งโครงการ “TRILLIUM” London W2, Zone 1
“การเปิดตัวโครงการ โครงการ “TRILLIUM” London W2, Zone 1 ในประเทศไทยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนและผู้ซื้อเพื่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในลอนดอน ซึ่งต้องการหาที่พักอาศัยให้บุตรหลานที่ไปเรียนต่อ เพราะเมื่อเทียบการเช่าห้องพักอาศัยกับการซื้อกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการมีความคุมค่ามากกว่า ขณะที่ในด้านการลงทุนให้ผลตอบแทนที่สูง คาดว่าการเปิดตัววในประเทศไทยจะทำให้บริษัทได้ยอดขายจากกลุ่มนักลงทุนไทยประมาณ 20%”
