xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 33.77 ติดตามรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (7 ก.พ.) ที่ระดับ 33.77 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-34.00 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.74-33.85 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ทยอยอ่อนค่าลง ตามการปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.50% ของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่แม้จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทว่า มีกรรมการ 2 ท่านที่สนับสนุนให้ BOE ปรับลดดอกเบี้ยลง 50bps ในการประชุมครั้งนี้ อีกทั้งผู้ว่าฯ BOE ยังได้ส่งสัญญาณว่า BOE มีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า การลดดอกเบี้ยของ BOE ในครั้งนี้มีลักษณะ Dovish Cut

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นได้ไม่นาน หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดเล็กน้อย ขณะเดียวกัน บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยุโรปมีส่วนหนุนให้ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งเงินปอนด์อังกฤษสามารถทรงตัวเหนือระดับก่อนรับรู้ผลการประชุม BOE ได้ ซึ่งการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา มีส่วนช่วนหนุนการรีบาวนด์ขึ้นบ้างของทั้งราคาทองคำและเงินบาท

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปีนี้ ที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 76% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ และมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 25bps ในปีหน้า

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า RBI อาจลดดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 6.25% หลังภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงมากขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อได้ทยอยชะลอตัวลงและมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายของ RBI

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึงรอติดตามท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า (รอจับตาว่า ทางการสหรัฐฯ จะมีการเจรจากับทางการจีน จนอาจนำไปสู่การชะลอมาตรการเก็บภาษีนำเข้าได้หรือไม่) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways หากประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน เหนือโซนแนวต้าน 34.10 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้

โดยเรามีความกังวลว่า รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่างยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือนมกราคม อาจออกมาเพิ่มขึ้น 1.8-2.2 แสนตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้แถว 1.7 แสนตำแหน่ง โดยคาดการณ์ของเราใกล้เคียงกับมุมมองของทางทีมนักวิเคราะห์ Bloomberg Economics (ซึ่งเป็นทีมที่ประเมินยอดการจ้างงานได้แม่นยำที่สุดในการประเมินยอดการจ้างงานเดือนธันวาคม) ทำให้มีโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดจะตอบรับต่อ ยอดการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าคาดไปมากได้ หากการประเมินของเราและทาง Bloomberg Economics นั้นถูกต้อง ซึ่งอาจเห็นเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ดี เรามองว่ามีโอกาสที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก เนื่องจากรายงานยอดการจ้างงานในครั้งนี้ จะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังจนถึงช่วงเดือนมีนาคมปี 2024 ซึ่งเรามองว่า มีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดยอดการจ้างงานในอดีตลง เฉลี่ยเดือนละ 6-8 หมื่นตำแหน่ง ทำให้ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงเป็นแนวโน้มทยอยชะลอตัวลง (Gradual Cooling Labor Market) ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความกังวลต่อยอดการจ้างงานที่จะออกมาดีกว่าคาดไปมากได้ รวมถึงในกรณีที่อัตราการว่างงาน (Unemployment) ปรับตัวขึ้นบ้างสู่ระดับ 4.2% อาจช่วยชะลอการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ เราขอเน้นย้ำว่าผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เนื่องจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี ที่ผ่านมา ชี้ว่า เงินบาท (USDTHB) อาจผันผวนกว่า +0.65%/-0.35% โดยเฉลี่ย ในช่วง 30 นาที หลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น