xs
xsm
sm
md
lg

นักเศรษฐศาสตร์ซาอุฯ เรียกร้องให้ GCC ออกกฎระเบียบคริปโตแบบรวมศูนย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของซาอุดีอาระเบียออกโรงเรียกร้องให้ กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) จัดทำ กรอบกฎระเบียบกลาง สำหรับการใช้สกุลเงินดิจิทัล (Crypto) โดยชี้ว่า จำเป็นต้องมีแนวทางที่เป็นเอกภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังขยายตัวในภูมิภาค

ซาอุฯ ยังเข้มงวด แต่เพื่อนบ้านเปิดรับคริปโต

แม้ว่าซาอุดีอาระเบียจะยังคงมีจุดยืนที่เข้มงวดต่อธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล แต่ประเทศอื่นๆ ใน กลุ่มอ่าวเปอร์เซีย อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้เริ่มออกกฎควบคุมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว

อิห์ซาน บูฮูไลกา อดีตสมาชิกสภาชูราแห่งซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยกับสื่อ AGBI ว่า GCC ควรมีแผนงานด้านกฎระเบียบร่วมกัน เพื่อปิดช่องโหว่ด้านนโยบายที่แตกต่างกันระหว่างประเทศ

“สิ่งที่ประเทศหนึ่งห้าม อาจถูกกฎหมายในอีกประเทศหนึ่ง หากซาอุฯ ไม่อนุญาตให้ลงทุนในคริปโต นักลงทุนก็จะย้ายเงินไปที่ UAE หรือบาห์เรน” บูฮูไลกา ให้สัมภาษณ์กับ Al Mal

บูฮูไลกายังมองว่า กระแสคริปโตฯ ทั่วโลกกำลังเติบโตขึ้น โดยเฉพาะหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สนับสนุนให้รวมสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ในเงินสำรองของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมซาอุฯ ค้านหนัก! ห่วงกระทบเสถียรภาพการเงิน

ในอีกด้านหนึ่ง อับดุล ราห์มาน บิน นาฮี นักเขียนคอลัมน์ของสื่อซาอุฯ ออกมาคัดค้านแนวคิดการเปิดรับคริปโต โดยอ้างเหตุผลด้าน ศาสนา การเงิน และความปลอดภัย

“อิสลามเน้นความโปร่งใสและความยุติธรรมในการทำธุรกรรมทางการเงิน สกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูงอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคม” — บิน นาฮี กล่าวกับ Al Mal

เขายังเตือนว่า ธุรกรรมที่ไม่เปิดเผยตัวตนของคริปโตฯ อาจถูกใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของซาอุดีอาระเบีย

UAE ดึงดูดนักลงทุนคริปโต ท่ามกลางกฎระเบียบเข้มงวดของยุโรป

ขณะเดียวกัน UAE กำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการลงทุนในคริปโต เนื่องจากกฎระเบียบ MiCA ของสหภาพยุโรป (EU) ที่เข้มงวดขึ้น ทำให้บริษัทคริปโต หลายแห่งอาจย้ายฐานออกจากยุโรป

MiCA ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 30 ธันวาคม 2567 ที่กำหนดให้ผู้ออก Stablecoin รายย่อยต้องสำรอง 30% ของสินทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์ยุโรป ขณะที่ Tether และผู้เล่นรายใหญ่ต้องกันสำรองมากถึง 60% หรือมากกว่านั้น

ล่าสุด UAE ได้ อนุมัติ Stablecoin ใหม่ที่ผูกกับสกุลเงินเดอร์แฮม โดยใช้ชื่อ "AE Coin" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสำรองภายในประเทศ

ด้วยแนวทางที่เปิดกว้างและโครงสร้างกฎระเบียบที่ชัดเจน UAE อาจก้าวขึ้นเป็นฮับคริปโต รายใหญ่ของโลกในอนาคต