ผลสำรวจ JPMorgan เผยนักลงทุนสถาบันกว่า 71% ยังคงไม่มั่นใจในตลาดคริปโต! ทำให้ผู้ซื้อขายสถาบันไม่มีแผนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลปีนี้ แม้ว่ากฎระเบียบในสหรัฐฯ จะเริ่มเปิดทางให้สินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นก็ตาม
แบบสำรวจที่จัดทำขึ้นในเดือนมกราคม 2568 พบว่า 16% มีแผนจะซื้อขายคริปโตภายในปีนี้ ขณะที่อีก 13% ลงทุนไปแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบัน 100% มีแผนเพิ่มกิจกรรมการซื้อขายออนไลน์โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ
แม้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งสัญญาณสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต ผ่านการปรับโครงสร้างหน่วยงานกำกับดูแลและลดอุปสรรคสำหรับสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม แต่การเข้ามาลงทุนของผู้เล่นรายใหญ่ยังคงจำกัด
ปัจจัยที่กดดันตลาดในปี 2568 ทำนักลงทุนใหญ่เมินคริปโต
ผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า อัตราเงินเฟ้อและภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อตลาด รองลงมาคือ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ 41% กังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 28% ในปีก่อน
รัฐบาลทรัมป์หนุนคริปโตผ่าน “กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ”
ล่าสุด ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งบริหารให้จัดตั้ง กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ซึ่งบริหารโดย สก็อตต์ เบสเซนท์ (รัฐมนตรีคลัง) และ ฮาวเวิร์ด ลัทนิค (รัฐมนตรีพาณิชย์) ทั้งสองเป็นผู้สนับสนุนคริปโต และมีรายงานว่าวุฒิสมาชิก ซินเทีย ลัมมิส ออกมาใบ้ว่ากองทุนนี้ อาจถูกใช้ในการซื้อบิทคอยน์
นอกจากนี้ SEC ยังมีการลดขนาดหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายด้านคริปโต ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญญาณบวกต่ออุตสาหกรรมนี้ ขณะที่ เดวิด แซกส์ ผู้ควบคุมด้านคริปโตของทำเนียบขาว ระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการนำ Stablecoin มาใช้ เพื่อเสริมอำนาจเงินดอลลาร์ในระดับโลกและผลักดันเข้าสู่ระบบดิจิทัล
แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางกฎหมายจะเป็นใจ แต่การสำรวจชี้ชัดว่า นักลงทุนสถาบันยังคงลังเล และยังไม่มั่นใจพอที่จะกระโจนเข้าสู่ตลาดคริปโตในปีนี้