เมื่ออุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรง นักขุดเริ่มหันมาใช้ "อนุพันธ์อัตราแฮช" (Hashrate Derivatives) เพื่อบริหารความเสี่ยงและเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่านี่อาจเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม
ความท้าทายของนักขุดบิทคอยน์
การขุดบิทคอยน์เป็นกระบวนการที่มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในฮาร์ดแวร์ การจัดหาสถานที่ หรือค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาบิทคอยน์ (BTC) ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของนักขุด ทำให้พวกเขามองหาวิธีบริหารความเสี่ยงเพื่อให้ธุรกิจยังคงทำกำไรได้
อนุพันธ์ Hashrate กลายเป็นทางเลือกใหม่
Andy Fajar Handika ซีอีโอของ Loka Mining ให้สัมภาษณ์กับ Cryptonews ว่า "อนุพันธ์อัตราแฮชช่วยให้นักขุดสามารถล็อคราคาคงที่สำหรับอัตราแฮชในอนาคต ทำให้พวกเขามีรายได้ที่คาดการณ์ได้ แม้ว่าราคาบิทคอยน์จะผันผวนก็ตาม"
แนวคิดนี้คล้ายกับการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เกษตรกรป้องกันความเสี่ยงจากราคาพืชผลตกต่ำด้วยการขายล่วงหน้า นักขุดบิทคอยน์ก็สามารถขายอัตราแฮชในอนาคตผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Loka Protocol ได้เช่นกัน
ตลาดอนุพันธ์ Hashrate เริ่มเติบโต
Ryan Condron ซีอีโอของ Titan.io กล่าวว่า แพลตฟอร์ม Lumerin กำลังพัฒนา ตลาดซื้อขายพลังแฮชแบบกระจายศูนย์ ซึ่งช่วยให้นักขุดสามารถขายพลังแฮชล่วงหน้าได้นานสูงสุดถึง 7 วัน นอกจากนี้ Luxor Technology ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Non-Deliverable Forward (NDF) ที่ช่วยให้นักขุดกำหนดราคาขายอัตราแฮชล่วงหน้าได้ถึง 12 เดือน
Aaron Foster ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Luxor Technology ให้ความเห็นว่า "การป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแฮชจะช่วยให้นักขุดล็อกกำไรระยะยาว และลดผลกระทบจากภาวะตลาดตกต่ำ"
ราคาบิทคอยน์พุ่ง ดันความต้องการอนุพันธ์ Hashrate เพิ่มขึ้น
เมื่อราคาบิทคอยน์เพิ่มสูงขึ้น เครือข่ายก็จะมีนักขุดเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้ความยากของเครือข่ายเพิ่มขึ้น และนักขุดเดิมทำกำไรได้ยากขึ้น ฟาจาร์ ฮันดิกา อธิบายว่า อนุพันธ์อัตราแฮชจะช่วยให้นักขุดสามารถจัดหาสภาพคล่องล่วงหน้า เพื่อนำไปซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่และขยายการดำเนินงาน โดยไม่ต้องขายบิทคอยน์ที่ขุดได้ในราคาต่ำ
สถาบันเริ่มให้ความสนใจในตลาด Hashrate
สถาบันการเงินเริ่มมองหาโอกาสในการลงทุนในตลาดอนุพันธ์อัตราแฮช โดย Grayscale เพิ่งเปิดตัวกองทุน Grayscale Bitcoin Miners ETF (MNRS) ซึ่งลงทุนในบริษัทขุด บิทคอยน์ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรม
Luxor รายงานว่าในปี 2567 ตลาดอนุพันธ์อัตราแฮชเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีลูกค้าใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นถึง 30 ราย สะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากทั้งนักขุดและนักลงทุนสถาบัน
อุปสรรคสำคัญของตลาดอนุพันธ์ Hashrate
แม้ตลาดอนุพันธ์อัตราแฮชจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคสำคัญ เช่น การขาดความเข้าใจของนักขุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ รวมถึงข้อกังวลด้านสภาพคล่อง ซึ่งอาจทำให้ราคาสัญญาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ฟาจาร์ ฮันดิกา ระบุว่า "นักขุดบางรายยังไม่คุ้นเคยกับการใช้อนุพันธ์อัตราแฮช ทำให้พวกเขาลังเลที่จะเข้าร่วมตลาดนี้" นอกจากนี้ โซลูชันแบบกระจายศูนย์อย่าง Loka Protocol ยังมี ความเสี่ยงด้านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract Risk) ที่อาจทำให้เกิดช่องโหว่ทางเทคนิคได้
อนาคตของตลาดอนุพันธ์ Hashrate
Condron เชื่อว่า ในอนาคตนักขุดส่วนใหญ่จะขายพลังแฮชของตน และตลาดนี้จะกลายเป็นแหล่งลงทุนสำคัญสำหรับสถาบัน ธนาคาร และบริษัทขนาดใหญ่
“แม้อนุพันธ์อัตราแฮชอาจดูเป็นเรื่องน่าสนใจน้อยกว่าในสายตาของหลายคน แต่ในมุมมองของนักขุด การมีเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจะช่วยให้พวกเขาสร้างรายได้ที่คาดการณ์ได้ และทำให้อุตสาหกรรมขุดบิทคอยน์มีเสถียรภาพมากขึ้น” Condron กล่าว
ในระยะยาวบิทคอยน์ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก และการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินอย่างอนุพันธ์อัตราแฮช อาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการขุดต่อไป