นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลชี้ว่า บิทคอยน์ขาดมูลค่าพื้นฐาน มีความผันผวนสูง และไม่สามารถเข้ากับระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้ เขาเตือนว่าหากความต้องการลดลง มูลค่า บิทคอยน์อาจหายไปจนเหลือศูนย์ อย่างไรก็ตามฝั่งผู้สนับสนุนมองว่าบิทคอยน์เป็น ทองคำดิจิทัล ที่หายากและสามารถต้านเงินเฟ้อได้ แม้จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่บิทคอยน์ ยังคงยืนหยัดและฟื้นตัวจากวิกฤตต่างๆ มาโดยตลอด อนาคตของมันจะขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ กฎระเบียบ และปัจจัยทางเศรษฐกิจในระยะยาว
บิทคอยน์ถูกกำหนดให้ไร้ค่า?
ยูจีน ฟามา นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเจ้าของรางวัลโนเบล และบุคคลสำคัญในวงการการเงินยุคใหม่ เขามองว่าบิทคอยน์ไม่มีมูลค่าพื้นฐาน ใช้งานเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนได้ยาก และไม่สามารถเข้ากับระบบการเงินดั้งเดิมได้
ปัจจัยหลักที่ทำให้บิทคอยน์ไม่น่าเชื่อถือ
ฟามาชี้ว่าความผันผวนของบิทคอยน์คืออุปสรรคสำคัญที่ทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่เป็นสกุลเงินที่แท้จริงได้ สกุลเงินที่มีเสถียรภาพช่วยให้เกิดการยอมรับในวงกว้าง แต่เมื่อราคาบิทคอยน์แกว่งตัวรุนแรง ก็ทำให้ธุรกิจต่างๆ ลังเลที่จะรับชำระด้วยเหรียญคริปโตนี้
อีกประเด็นที่สำคัญคือ บิทคอยน์ไม่มีการหนุนหลังจากรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ต่างจากเงินเฟียต (Fiat Currency) ที่ได้รับการค้ำประกันจากรัฐ มูลค่าของบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ล้วนๆ ซึ่งหมายความว่า หากความต้องการหายไป มูลค่าของมันอาจลดลงจนเป็นศูนย์
บิทคอยน์เป็นทองคำดิจิทัล ไม่ใช่เงินตรา?
แม้ว่ามุมมองของ ฟามาจะรุนแรง แต่ก็มีหลายฝ่ายที่เห็นต่าง พวกเขาเชื่อว่าบิทคอยน์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้แทนเงินสด แต่มีบทบาทคล้าย ทองคำดิจิทัล ที่ใช้เก็บรักษามูลค่าแทน
บิทคอยน์แตกต่างจากเงินทั่วไป เพราะมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญทำให้มันมีความหายากและป้องกันภาวะเงินเฟ้อได้ แม้ว่าจะมีความผันผวนสูง แต่ผู้สนับสนุนมองว่านี่เป็นผลจากช่วงแรกของการยอมรับ และในระยะยาว ราคาจะมีเสถียรภาพมากขึ้น
อนาคตบิทคอยน์จะล้มเหลวจริงหรือ?
หาก บิทคอยน์จะล่มสลาย อาจต้องเกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่น การปราบปรามจากรัฐบาลทั่วโลก ข้อบกพร่องร้ายแรงในระบบ หรือการเกิดขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดีกว่า แต่ที่ผ่านมาบิทคอยน์ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งมาแล้ว ทั้งจากมาตรการกำกับดูแล การล่มสลายของตลาด และคำวิจารณ์จากนักการเงินชั้นนำ
อนาคตยังไม่แน่นอน....แต่ไม่ควรมองข้าม
แม้ข้อโต้แย้งของฟามาจะมีน้ำหนัก แต่การเพิกเฉยต่อบิทคอยน์โดยสิ้นเชิงอาจยังเร็วเกินไป อนาคตของมันจะขึ้นอยู่กับการนำไปใช้จริง กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา