xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์ป่วนโลก ทำ Black Monday! SET ดิ่งแรง 40 จุด หลุด 1,300 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Black Monday หุ้นไทยร่วงแรงกว่า 40 จุด ฉุด SET Index หลุด 1,300 จุด ก่อนรีบาวนด์เหลือลบแค่ 10 จุด กลับมาปิดเหนือ 1,300 จุดอีกครั้ง หลัง "ทรัมป์" ป่วนโลก ประกาศสงครามการค้ารอบใหม่ ไล่เก็บภาษีดะทั้งแคนาดา เม็กซิโก จีน ด้านทรีนีตี้ ประเมินแนวรับ SET ก.พ. อยู่ที่ 1,270-1,280 จุด มองเป็นจังหวะเก็บหุ้น เหตุ Valuation ต่ำ พร้อมเปิด 4 ปัจจัยเสี่ยงตลาดหุ้น แต่แนะหุ้นเด่นจาก 3 กลุ่มน่าลงทุน ค้าปลีก หุ้นใหญ่ กลุ่มแบงก์

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย วานนี้ (3 ก.พ.) ปรับตัวลดลงแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเปิดตลาด SET Index ลดลงทันที 40.74 จุด หรือ 3.10% ทำดัชนีหลุด 1,300 จุด ไปอยู่ที่ 1,276.91จุด ก่อนที่ดัชนีจะรีบาวด์ เหลือปิดลดลง 10.11 จุด ยืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้งที่ 1,304.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,956.55 ล้านบาท

ASPS มองเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสมกลาง-ยาว

ฝ่ายวิยจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า ได้ประเมิน DOWNSIDE ของ SET INDEX เวลาเจอประเด็นกดดันตลาด พบว่า ปกติตลาดหุ้นไทยที่ลงมาลึกจนมี UPSIDE ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า กว้างสูงเกินระดับ +1 SD หรือราว 21.6% (TARGET SET 68F จากBLOOMBERG 1582 จุด) แล้ว SET INDEX จะเริ่มย่อตัวน้อยลง โดยระดับ UPSIDE 1SD ของ SET INDEX ปัจจุบันอยู่ที่ 1,301 จุด ทั้งนี้มองว่าประเด็นสงครามทางการค้ายุค TRUMP 2.0 กลับมาเร็ว กดดันให้ตลาดหุ้นโลกเกิดความปั่นป่วน ผันผวนและมีโอกาสลงมาลึกได้

ดังนั้นหาก SET INDEX ถูกปัจจัยภายนอกกดดันจนลงมาต่ำกว่า 1,300 จุด แล้วดัชนีเป้าหมายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย คาดการย่อตัวน่าจะเริ่มชะลอลง และน่าจะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนในระยะกลางถึงยาว

ทรีนีตี้คาดแนวรับ ก.พ.ที่ 1,270-1,280 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวลงในช่วงแรก หลังในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทั้ง แคนาดา เม็กซิโก ในอัตรา 25% และจีน ในอัตรา 10% ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังได้พัฒนากลายมาเป็นสงครามการค้าย่อมๆ จากการตอบโต้ของประเทศเหล่านี้ ทั้งการเตรียมเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ของทั้งแคนาดา (25%) และเม็กซิโก รวมถึงจีนที่เตรียมจะยื่นคำร้องต่อ WTO ด้วยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโกต่างก็เป็นแหล่งนำเข้าทางด้านเชื้อเพลิงที่สำคัญของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของดัชนี SET ในช่วงแรกของเดือนน่าจะได้รับการประคับประคองบ้างจากกลุ่ม Oil & Gas ที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่ม Domestic play ที่คาดว่าจะเห็นการรีบาวนด์ขึ้นบ้าง หลังราคาลงไปแรงจากผู้นำกลุ่มเช่น CPALL ในช่วงปลายเดือนก่อน ไม่นับรวมกับ Valuation ของดัชนีที่อยู่ต่ำเป็นทุนเดิม ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวแข็งแกร่งกว่าหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้น

ประเมินแนวรับสำคัญของ SET Index เดือนนี้จะอยู่ที่จุดต่ำสุดที่เคยทำไว้แถวบริเวณ 1,270-1,280 จุด ซึ่งในเชิง Valuation ถือว่าน่าสนใจมาก เนื่องจากเป็นระดับเทียบเท่า PBV 1.22x เท่านั้น ถูกที่สุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่วิกฤตซับไพรม์ ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อหุ้นที่บริเวณแนวรับดังกล่าวนี้ โดยเน้นไปที่กลุ่ม Domestic play ที่ค่อนข้างปลอดภัยจากประเด็นสงครามการค้าที่เกิดขึ้นนี้

สำหรับปัจจัยเสี่ยงอื่นที่อาจต้องติดตามต่อในเดือนนี้ ได้แก่

1.ความเสี่ยงที่สงครามการค้าจะลากยาวจนก่อให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับการกลับมาของเงินเฟ้ออีกครั้ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจทำให้โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของ ธปท.ในเดือนนี้ลดลง

2.การประกาศผลประกอบการ บจ.ไตรมาส 4 ซึ่งหากออกมาแย่กว่าคาด อาจนำมาสู่การปรับลดประมาณการในตลาดอีกครั้ง

3.แรงขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่อาจเกิดขึ้น หากเริ่มมีความชัดเจนว่า ตลท.จะมีการปรับปรุงการคำนวณดัชนีหุ้นไทยรูปแบบใหม่ไปเป็นวิธี Free-float adjusted market cap weighted และ

4.ความเสี่ยงที่ MSCI อาจปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย จนนำมาสู่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในเดือนนี้ มองไปยัง 3 ธีมการลงทุนสำคัญได้แก่ 1.หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ราคาปรับลงมาแรง และได้ประโยชน์จากมาตรการ Easy E-Receipt รวมถึงการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น CPALL

2.หุ้นขนาดใหญ่ที่ Valuation ลงมาอยู่ในโซน Trough เมื่อเทียบเคียงกับในอดีต เช่น BDMS, LH, MINT, OR และ 3.กลุ่มธนาคารที่จะได้ประโยชน์ หากดัชนี Free float adjusted market cap weighted index ได้รับความนิยมในตลาดสูงขึ้น ได้แก่ SCB, KBANK, BBL


กำลังโหลดความคิดเห็น