บิ๊กเฟรเซอร์สฯ มองอสังหาฯปี 68 เผชิญหน้ากับความท้าทาย พร้อมกอดลูกค้าให้มั่น กับกลยุทธ์ “กอด - Secure Core, Embrace Future” กอด ลูกค้าให้มั่น โฟกัสการดำเนินงาน 3 มิติ Flexible-Feeling-Focus ขับเคลื่อนอสังหาฯเพื่อการอยู่อาศัย-อุตฯ-พาณิชยกรรมเติบโตมั่นคงท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ วางเป้าเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท มั่นใจเป้ารายได้สู่ระดับ 16,000 ล้านบาท พร้อมดึง AI ยกระดับการทำงานไปอีกขั้น
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 เผชิญหน้ากับความท้าทายหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ภูมิรัฐศาสตร์โลกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ การขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต้องจับตาถึงสงครามการค้าที่จะสะเทือนไปทั่วโลก
ด้านสถานการณ์ในประเทศ กำลังซื้อยังคงซบเซา พร้อมหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะเดียวกัน หลายสินค้าในอุตสาหกรรมอสังหาฯอยู่ในสภาวะซัพพลายล้นตลาด อย่างบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีที่จำนวนซัพพลายสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับดีมานด์ที่ลดลง
ขณะที่ตลาดอาคารสำนักงาน มีการแข่งขันสูงจากอาคารสำนักงานเกิดใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่เตรียมเปิดตัวในอนาคต รวมถึงคลังสินค้าให้เช่าที่เริ่มมีสัญญาณซัพพลายทะลัก หลังจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายกระโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้น
ท่ามกลางความผันผวนในไทยและต่างประเทศ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยวางแผนอย่างระมัดระวัง เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคง โดยในปีงบการเงิน 2568 (ต.ค. 2567 – ก.ย. 2568) ตั้งเป้ารายได้ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 11 % เมื่อเทียบกับปีงบการเงิน 2567 (ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567) ด้วยกลยุทธ์ “กอด - Secure Core, Embrace Future” ซึ่งจะกอดฐานลูกค้าเดิมให้แน่น พร้อมเดินหน้าหาลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ผ่านการดำเนินงานใน 3 มิติ ประกอบด้วย
1.Flexible – ปรับตัวให้ยืดหยุ่นตามดีมานด์ของตลาด 2.Feeling – สร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับ และ 3.Focus – มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการที่เชี่ยวชาญ ใช้ Data-driven insights วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและความต้องการลูกค้า ทั้งนี้ กลยุทธ์ “กอด - Secure Core, Embrace Future” ได้นำมาปรับใช้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจของเฟรเซอร์สฯ ได้แก่
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย พลิกโฉมการพัฒนาที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า โดยมีแผนเปิด 6 โครงการใหม่ในกรุงเทพฯ นครราชสีมา และขอนแก่น รวมมูลค่า 9,803 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับลักชัวรีและระดับบน 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ The Grand, Grandio และแบรนด์ใหม่ Gramour พร้อมด้วยทาวน์โฮมพรีเมียม 1 โครงการในแบรนด์ใหม่ Goldina และคอนโดมิเนียมแบรนด์ KLOS อีก 1 โครงการ ขณะเดียวกัน เดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วยการจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีน เจาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อโครงการคอนโดมิเนียม
อสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม ตั้งเป้าขยายพื้นที่เพิ่มอีกกว่า 150,000 ตร.ม. และสร้างอัตราการเช่ารวมของพอร์ตโฟลิโอสูงกว่า 88% เดินหน้าพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมทั้งแบบสำเร็จรูป แบบสร้างความต้องการของลูกค้า และแบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ ขณะเดียวกัน บริษัทจะเข้าไปร่วมพัฒนาโครงการ Industrial Township พื้นที่ 4,600 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณ ถ.บางนา -ตราด กม.32 ซึ่งพร้อมเปิดตัวโครงการในเดือนก.พ. 2568
อสังหาฯเพื่อพาณิชยกรรม มีแผนดึงดูดลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในไทย จากการย้ายและขยายฐานการผลิตอีกด้วย ในส่วนของพื้นที่รีเทลจะเพิ่มเติมร้านค้า ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้โภคมากขึ้น โดยมองว่าปีนี้จะสามารถรักษาอัตราการเช่าของพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมได้สูงกว่า 90%
นอกจากนี้ บริษัทได้นำ AI (Artificial Intelligence) และ Data Analytics เข้ามาใช้ในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของธุรกิจ ทั้งการออกแบบและสร้างสรรค์โครงการ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาสินค้าและบริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า.