เจมส์ เช็ค นักวิเคราะห์ของ Glassnode ชี้ราคาบิตคอยน์รอบนี้เคลื่อนไหวเหมือนเมื่อปี 2016-2017 และอาจพุ่งแตะ 150,000 ดอลลาร์ก่อนปรับตัวลดลง ขณะที่ลาร์รี ฟิงค์ ซีอีโอแบล็กร็อก เชื่อ BTC กำลังมุ่งหน้าสู่หลัก 700,000 ดอลลาร์
เช็คพูดในพอดแคสต์ Theya เมื่อวันพฤหัสฯ (23 ม.ค.) ว่า บิตคอยน์รอบนี้น่าจะอยู่แถวๆ 120,000-150,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าสูงกว่านั้นจะเกิดจากการเก็งกำไรทำให้ราคายืนระยะอยู่ได้ไม่นาน
เขายังตั้งข้อสังเกตว่า ที่ราคาเทรดปัจจุบันราว 105,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (24 ม.ค.) “คนทั่วไป” ก็กำไรมากอยู่แล้ว
อนึ่ง จากข้อมูลของ Bitbo ผู้ถือครองบิตคอยน์ช่วงสั้นๆ เข้าซื้อบิตคอยน์ที่ราคาเฉลี่ย 90,349 ดอลลาร์ต่อ BTC ส่วนผู้ที่ถือระยะยาวซื้อในราคาเฉลี่ย 24,627 ดอลลาร์
ดังนั้น หากคริปโตสกุลนี้แตะ 150,000 ดอลลาร์ ผู้ถือระยะสั้นจะได้กำไรเฉลี่ย 66% ขณะที่ผู้ถือยาวกำไรเฉลี่ยถึง 509%
เช็คเสริมว่า สถานการณ์ตอนนี้มีหลายอย่างเหมือนกับช่วงระหว่างปี 2016-2017 ที่บิตคอยน์เข้าสู่ช่วงสะสมกำลังและผันผวนที่ระหว่าง 800-1,600 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2017 ก่อนทะยานแตะระดับสูงสุดที่ 19,783 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถ้าบิตคอยน์ยังคงเดินตามแพทเทิร์นนี้ ช่วงสะสมกำลังอาจยาวถึงเดือนพฤษภาคม
นอกจากนั้นยังมีเทรดเดอร์อีกหลายคนที่มองว่า บิตคอยน์จะยังไม่พุ่งทำสถิติสูงสุดของปีนี้จนกว่าจะถึงปลายปี
ตัวอย่างเช่นเทรดเดอร์คริปโตคนหนึ่งที่แชร์มุมมองยอดนิยมว่า ไตรมาสแรกปีนี้ตลาดคริปโตจะอยู่ในช่วงขาขึ้นครั้งใหญ่ แต่จะขึ้นสุดจริงๆ ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ก่อนเริ่มตลาดหมีในปี 2026
เทรดเดอร์อีกคนบอกว่า เนื่องจากบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่เหนือ 109,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ดังนั้น ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย BTC จะทุบสถิติครั้งต่อไปภายใน 230-330 วัน นั่นคือระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม
ทางด้านลาร์รี ฟิงค์ ซีอีโอแบล็กร็อก คาดว่า บิตคอยน์จะไปได้ถึง 700,000 ดอลลาร์ เนื่องจากการจัดสรรเงินลงทุนก้อนเล็กๆ ของผู้จัดการสินทรัพย์ทั่วโลก ตลอดจนถึงศักยภาพของบิตคอยน์ในการรับมือการเสื่อมของค่าเงินเฟียต
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเมื่อวันพุธ (22 ม.ค.) ฟิงค์อธิบายว่า การที่ผู้จัดการสินทรัพย์ทั่วโลกจัดสรรเงินทุนแค่ 2-5% ไปลงทุนในบิตคอยน์จะช่วยกระตุ้นราคา BTC ไปถึง 700,000 ดอลลาร์ได้อย่างไร เขาสำทับว่า นักลงทุนที่กังวลกับแนวโน้มการอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่นของตนเอง หรือผู้ที่กังวลกับเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศอาจหันไปหาบิตคอยน์เนื่องจากมองว่า เป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้ที่ช่วยป้องกันจากความเสี่ยงเหล่านั้น
ในความเห็นของฟิงค์ ลักษณะของบิตคอยน์ทั่วโลกทำให้คริปโตสกุลนี้ทำหน้าที่เป็น “สกุลเงินระหว่างประเทศที่ปลอดภัย” ในการบรรเทาความไม่แน่นอนในท้องถิ่น
ทว่า เดวิด โซโลมอน ซีอีโอโกลด์แมน แซคส์ มองต่างออกไป โดยระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี เขาย้ำว่า บิตคอยน์ไม่ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยอมรับว่า คริปโตสกุลนี้มีความสำคัญในฐานะ “สินทรัพย์สำหรับการเก็งกำไรที่น่าสนใจ”
โซโลมอนย้ำความเชื่อมั่นในสถานะผู้นำของดอลลาร์ แต่แสดงความสนใจอย่างมากต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สนับสนุนบิตคอยน์ เขาชี้ว่า ในที่สุดบล็อกเชนจะลดแรงเสียดทานในการดำเนินการภายในระบบการเงินที่กว้างขวางกว่า แม้ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบและการดำเนินการในปัจจุบันยังจำกัดไม่ให้ธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับบิตคอยน์ก็ตาม