น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยเงินบาทวันนี้ (24 ม.ค.) แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 33.61 ก่อนจะปิดตลาดที่ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.02 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางเงินเยน หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% (ไปอยู่ที่ระดับ 0.50%) ขณะที่เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีความเห็นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งในวันนี้ซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 1,270 ล้านบาท และ 1,154 ล้านบาทตามลำดับ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (27-31 ม.ค.) ประเมินไว้ที่ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (28-29 ม.ค.) การประชุม ECB (30 ม.ค.) สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติและค่าเงินหยวน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือน ธ.ค.2567 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.2568 ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (advanced) รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนี PMI เดือน ม.ค. ของจีน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน