ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น มั่นใจยืดเวลาขายหุ้นกู้อีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน คาดช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน รองรับการขยายธุรกิจและโครงการสำคัญในอนาคต
นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC )เปิดเผยว่าบริษัทเดินหน้าเสริมความเชื่อมั่นในแผนการเพิ่มทุนและการลงทุนในโครงการสำคัญ จากการขยายระยะเวลาการจองซื้อและชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุน PPO ออกไป ตั้งแต่วันที่ 13-17, 20-24 และ 27-31 มกราคม 2568 (รวม 15 วันทำการ) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน การเพิ่มทุนในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน รองรับการขยายธุรกิจและโครงการสำคัญในอนาคต
บริษัทยังได้เตรียมแผนเพิ่มเติมทางการเงินไว้อีกทางหนึ่ง โดยวิธีเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
โดยจะเพิ่มการลงทุนในบริษัท พีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด (PSEC) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ในการจัดการขยะและการรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแค่ลดปริมาณขยะที่ต้องฝังกลบ แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะด้วยการแปรรูปเป็นพลังงานหรือวัสดุใหม่ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ มีความสำคัญต่อสังคมคือช่วยจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญด้านสภาพแวดล้อมคือ ช่วยลดปริมาณขยะที่จะไปสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการสลายตัวของขยะอินทรีย์ และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เช่น ส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ในเศรษฐกิจไทย และสร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะและการรีไซเคิล ซึ่ง TRC เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนเพิ่มเติม เชื่อว่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อผลการดำเนินงานจากการลงทุนของบริษัท
ด้านการลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท อาเซียนโพแทชชัยภูมิ จำกัด (APOT) ผู้ดำเนินธุรกิจเหมืองโพแทช คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ซึ่ง APOT เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียน มุ่งเน้นการทำเหมืองแร่โพแทชและเกลือหิน ช่วยลดการนำเข้าแม่ปุ๋ยโพแทสเซียมจากต่างประเทศ และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ TRC มุ่งมั่นดำเนินแผนการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหาร เพื่อผลตอบแทนที่ยั่งยืน การเพิ่มทุนในครั้งนี้ไม่เพียงแสดงถึงความพร้อมของบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนที่มองหาธุรกิจที่มีศักยภาพสูงและมีความมั่นคงในระยะยาวอีกด้วย