รายงานล่าสุดจากธนาคาร Standard Chartered ชี้ให้เห็นว่า สภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2568 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอนของนโยบายการเงิน โดยกระแสเงินไหลเข้าจากสถาบันการเงินต่างๆ ถูกคาดหวังว่าจะช่วยสร้างเสถียรภาพและหนุนราคาสินทรัพย์คริปโตในระยะยาว
Geoffrey Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered เผยว่า แม้ตลาดจะเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้นจากความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ แต่การเพิ่มการลงทุนของสถาบันการเงิน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ และกองทุน ETF คริปโต จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในปี 2568 โดยคาดว่า Bitcoin อาจพุ่งแตะ 200,000 ดอลลาร์ และ Ethereum จะขึ้นถึง 10,000 ดอลลาร์
รายงานระบุว่าการฟื้นตัวของตลาดคริปโตในปี 2568 จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะสำคัญ ได้แก่
1."เมื่อความหวังดับลง" ช่วงราคาสินทรัพย์ลดลงเนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแอ
2."ซื้อเมื่อราคาตก" ช่วงฟื้นตัวจากการที่นโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตเริ่มมีผล
3."อัลต์คอยน์ อัลฟ่า" ช่วงที่อัลต์คอยน์อย่าง Litecoin และโทเค็น UNI ของ Uniswap ได้รับประโยชน์จากการอนุมัติ ETF และการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ
Kendrick เสริมว่า ความสนใจของนักลงทุนสถาบันยังคงเพิ่มขึ้น แม้ว่าปัจจุบันกองทุนบำเหน็จบำนาญจะมีการลงทุนใน Bitcoin ETF เพียง 1% แต่ยังมีพื้นที่สำหรับการเติบโตอีกมาก
ทั้งนี้ Standard Chartered คาดว่า DeFi จะเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์จากการลดภาระกฎระเบียบ โดยเฉพาะ Uniswap ที่จะเพิ่มรายได้จากโปรโตคอล ท่ามกลางโอกาสระยะกลางที่สดใส Kendrick เน้นว่า การลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์คริปโตถือเป็นกลยุทธ์สำคัญ โดยสภาพแวดล้อมปัจจุบันเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าสู่ตลาดก่อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในอนาคต