เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงมอสโกว์ถูกจับในข้อหาขโมยเงินประมาณ 180 ล้านรูเบิล (ประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์) จากตู้เซฟของลูกค้า โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารได้นำเงินสดที่ขโมยมาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัล
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารถูกจับกุมที่สนามบินแห่งหนึ่งในเมืองหลวง โดยถูกกล่าวหาว่าแปลงเงินสดที่ขโมยมาเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถระบุชื่อได้
ตามที่ไอรีน่า วอร์ก โฆษกกระทรวงมหาดไทยรัสเซียได้แจ้งทาง Telegram เมื่อวันที่ 22 มกราคม ว่าธนาคารที่ไม่ถูกระบุชื่อได้แจ้งเตือนตำรวจหลังจากพบว่าเงินหายไป
“พนักงานธนาคารสาขามอสโกว์ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนขโมยเงินไปประมาณ 180 ล้านรูเบิลจากตู้เซฟของลูกค้า เมื่อพนักงานของสถาบันการเงินพบการโจรกรรมดังกล่าว พวกเขาจึงแจ้งตำรวจทันที” วอร์ก กล่าว
ด้านฝ่ายความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันการทุจริตประจำสาขาของกระทรวงที่มอสโกว์สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว
ตำรวจอธิบายว่าผู้ต้องสงสัยค่อยๆ ถอนเงินสดออกมา โดยเงินชุดสุดท้ายจำนวน 35 ล้านรูเบิล (ประมาณ 352,600 ดอลลาร์) ถูกแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล
ขณะที่กระทรวงมหาดไทยรัสเซีย ได้เปิดคดีอาญาในข้อหาลักทรัพย์ แต่ยังคงตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชญากรรมนี้ หากพบว่ามีความผิด ผู้ต้องสงสัยอาจต้องเผชิญโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี
เหตุการณ์จารกรรมที่คล้ายกัน
คดีนี้เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์คล้าย ๆ กันในเมืองโซชิและสาธารณรัฐอินกูเชเตียของรัสเซีย
โดยเจ้าหน้าที่ในเมืองโซชิรายงานว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัยที่ขโมยเงินประมาณ 168 ล้านรูเบิล (ประมาณ 1.7 ล้านดอลลาร์) จากตู้เซฟของพลเมืองหลายรายในศูนย์รับฝากเงินเมื่อวันที่ 17 มกราคม โดยตำรวจเชื่อว่าโจรทิ้งเหยื่อไว้อย่างน้อย 18 ราย
โดยในอินกูเชเตีย เว็บไซต์ News.ru รายงานว่า อดีตพนักงานแคชเชียร์ของศูนย์รวบรวมเงินสดในธนาคารแห่งหนึ่งในเมืองนาซรานได้ขโมยและฟอกเงินมูลค่าประมาณ 353,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ย้อนกลับไปในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 ศาลเกาหลีใต้ตัดสินจำคุกพนักงานธนาคารเป็นเวลา 12 ปี หลังขโมยเงินของนายจ้างไปหลายล้านเหรียญเพื่อไปลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ทางการมอสโกว์ได้เริ่มขายบิทคอยน์จำนวน 1,032 เหรียญที่ยึดมาได้จากนักสืบที่รับสินบนจากกลุ่มแฮกเกอร์ Infraud Organization