หลังนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศนำร่อง ต้องการเพิ่มอำนาจบทบาทของสำนักงานคณะกรรมกรรกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อแก้ปัญหาบริษัทจดทะเบียนที่กระทำความผิด เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา
นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ออกมาขานรับทันที เตรียมแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เพิ่มอำนาจการกำกับดูและตลาดหุ้นให้ ก.ล.ต. ยกระดับสู่มาตรฐานเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดย ก.ล.ต.มีอำนาจในการสอบสวน และส่งฟ้องผู้ระทำผิดได้โดยตรง ไม่ต้องกล่าวโทษร้องทุกข์ผ่านพนักงานสอบสวน
ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 ก.ล.ต.ประสบความล้มเหลวในการกำกับดูแลตลาดหุ้น เพราะมีแก๊งมิฉาชีพ กลุ่มอาชญากรรม โดยเฉพาะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนกระทำความผิดมากมาย สร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุนนับแสนนับล้านคน
แต่ ก.ล.ต.ไม่อาจป้องกัน ระงับยับยั้ง และแก้ปัญหาการกระทำความผิดได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น เพราะขั้นตอนการดำเนินงานล่าช้า ไม่ทันสถานการณ์
ปัญหาใหญ่อีกประการ เมื่อ ก.ล.ต.ตรวจสอบพบความผิดต่างๆ ในตลาดหุ้น ทั้งความผิดการใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จาการซื้อขายหุ้น หรืออินไซเดอร์เทรดดิ้ง ความผิดการสร้างราคาหรือปั่นหุ้น หรือความผิดในการทุจริต ฉ้อฉล โดยการผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน โกงผู้ถือหุ้น และร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือหน่วยงานอื่น
แต่คดีมักเงียบหาย ถูกดอง มารู้กันภายหลัง เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้อง อ้างหลักฐานอ่อน ทำให้อาชญากรในตลาดหุ้นหลุดรอดลอยนวลนับสิบราย
ทิ้งความเสียหายย่อยยับให้นักลงทุนรายย่อยนับแสนราย โดยไม่มีใครต้องรับผิดชอบ
และคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับการทุจริต สร้างข้อมูลเท็จ สร้างหนี้เทียมจำนวนหลายหมื่นล้านบาทของผู้บริหารจดทะเบียน ก็ไม่รู้ว่าคืบหน้าล่าสุดคดีไปถึงไหน เช่นคดี บริษัท เอ็นเนอร์ยี เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ซึ่งถูกขับพ้นตลาดหุ้นไปแล้ว
คดีหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH และคดีทุจริตหุ้น บริษัท โพราลิส แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR ซึ่งจะถูกตะเพิดพ้นตลาดหุ้นในวันที่ 28 มกราคมนี้
แก๊งปั่นหุ้น แก๊งฉ้อโกงยักย้ายถ่ายเทเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน หรือความผิดร้ายแรงอื่น มักจมหายอยู่ในกระบวนการสอบสวน ซึ่งใช้เวลานานหลายปี นานจนลืม รู้อีกทีคดีถูกเป่าทิ้ง หรือถูกฆ่าตัดตอนไปแล้ว มีคดีที่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในขั้นศาลน้อยมาก
แม้คดีโกงที่ฉาวโฉ่ที่สุด กรณีแต่งบัญชี บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรขั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งนายวนรัชต์ ตั้งคารวะคุณ อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK ได้ชิงล้มละลายไปแล้ว การตามยึดทรัพย์เพื่อแบ่งเงินชำระคืนให้ผู้ถือหุ้นคงเป็นไปลำบาก
ส่วนคดีความผิดทางอาญา แม้มีพยานหลักฐานแน่นหนัก มัดตัวอดีตผู้บริหาร STRAK ที่ร่วมกันแต่งบัญชี ตบตานักลงทุน แต่นักลงทุนไม่มีความมั่นใจว่า สุดท้ายแล้ว นายวนรัชต์จะต้องรับโทษหรือไม่
การเพิ่มอำนาจการสอบสวน และฟ้องร้องดำเนินคดีได้โดยตรง เป็นการติดดาบอาญาสิทธิ์ให้ ก.ล.ต. และจะนำไปสู่การกวาดล้างมิจฉาชีพ แก๊งอาชญากรในตลาดหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การแก้ปัญหาบริษัทจดทะเบียนจะมีความรวมเร็วขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาปะทุจนความเสียหายลุกลามบาทปลาย คดีความผิดร้ายแรงในตลาดหุ้นถูกดำเนินคดีเด็ดขาดภายในเวลารวดเร็ว
ก.ล.ต.ตั้งมาแล้ว 38 ปี แต่บทบาทหน้าที่กลายเป็นเสือกระดาษ โจรในคราบผู้บริหารจดทะเบียนไม่มีความเกรงกลัว แก๊งอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพในตลาดหุ้นไม่หวั่นไหวในการถูกดำเนินคดี เพราะมีช่องทางวิ่งเต้นให้พ้นผิด และแก๊งปั่นหุ้นหลุดลอยนวลไปแล้วนับสิบคดี
แต่ถ้าปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์เสร็จสิ้น เพิ่มอำนาจการสอบสวน และเพิ่มอำนาจการฟ้องร้องดำเนินต่อศาลได้โดยตรง ใครจะมาวิ่งเต้นล้มคดีคงลำบาก แนวโน้มอาชญากรรมในตลาดหุ้นจะลดลง ขณะที่ประชาชนจะมีความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
เมื่อเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว จะมีกฎหมายที่เข้มงวดเด็ดขาด จะมีหน่วยงานกำกับดูแลให้การซื้อขายหุ้นเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบกัน
ประชาชนที่มองภาพลักษณ์ของตลาดหุ้นด้วยความรู้สึกที่เลวร้าย กลายเป็นศูนย์รวมของแหล่งต้มตุน การปั่นหุ้น และไม่กล้าเข้ามาลงทุน ถ้า ก.ล.ต.เรียกความมั่นใจในด้านการดูแลคุ้มครองปกป้องนักลงทุนได้ ประชาชนก็อาจหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
การเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.ในการสอบสวนผู้กระทำผิด การเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.ในการทำสำนวนเสนอฟ้องได้เอง จะเป็นการปฏิรูปการแก้ปัญหาคดีความผิดร้ายแรงในตลาดหุ้นครั้งใหญ่
กระทรวงการคลัง และรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะต้องผลักดันการแก้กฎหมาย เพื่อเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.อย่างเร่งด่วน
กฎหมายให้ดาบอาญาสิทธิ์ ก.ล.ต.ออกมาเมื่อไหร่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะตามมา
เมื่อแก๊งอาชญากรรมถูกกวาดล้าง และการลงทุนในตลาดหุ้นใสสะอาด ใครก็อยากเข้ามาลงทุน
แต่วันนี้ ตลาดหุ้นยังเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรโจรในคราบผู้บริหารจดทะเบียนใส่สูท และมิจฉาชีพที่พร้อมจะปล้นนักลงทุนในทุกรูปแบบ
ประชาชนจึงกลัวจะตกเป็นเหยื่อ โดยขนเงินมาทิ้งในตลาดหุ้น
เช่นเดียวกับนักลงทุนที่หมดตัวจากหุ้น EARTH POLAR IFEC บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และ STARK ซึ่งผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ยังไม่มีใครต้องชดใช้กรรม