มาเลเซียสำรวจความเป็นไปได้ในการกำหนดนโยบายคริปโตและบล็อกเชนเพื่อไม่ให้ประเทศถูกทิ้งไว้ข้างหลังขณะที่ทั่วโลกกระโจนเข้าสู่ระบบการเงินดิจิทัล ภายหลังอันวาร์ อิบราฮิม หารือกับผู้นำอาบูดาบีและฉางเผิง จ้าว ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์
นิวส์ สเตรทส์ไทมส์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (12 ม.ค.) ว่า นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการกำหนดกรอบโครงกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเชนกับเจ้าหน้าที่อาบูดาบี และฉางเผิง จ้าว หรือ CZ ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอไบแนนซ์ หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตใหญ่ที่สุดของโลก
อันวาร์ย้ำความจำเป็นที่มาเลเซียจะต้องนำกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อคริปโตมาใช้เพื่อก้าวตามให้ทันพัฒนาการทางการเงินของโลก
เขาให้สัมภาษณ์นิวส์ สเตรทส์ไทมส์ภายหลังเสร็จสิ้นการเยือนอาบูดาบีเป็นเวลา 3 วันว่า ได้หารือกับผู้นำในอาบูดาบีและจ้าว เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ศูนย์ข้อมูล และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และย้ำว่า ขณะนี้มาเลเซียจำเป็นต้องคิดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ผู้นำแดนเสือเหลืองเสริมว่า สกุลเงินดิจิทัลเป็นวิวัฒาการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมาเลเซียต้องเคลื่อนไหวให้เร็วพอกันเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในระบบการเงินแบบเก่า ก่อนสำทับว่า นี่จะเป็นการละทิ้งจากรูปแบบเดิมๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังบอกอีกว่า ผู้วางนโยบายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คิดว่า สามารถกระชับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยให้มาเลเซียกำหนดแนวทางสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังจำเป็นต้องหารือในรายละเอียด
อันวาร์เสริมว่า ได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ของมาเลเซีย ซึ่งรวมถึงกระทรวงการคลัง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และแบงก์ เนการา มาเลเซียหรือธนาคารกลาง ศึกษาว่ามาเลเซียจะสามารถตามทันพัฒนาการที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมคริปโตได้อย่างไร รวมถึงขอให้ศึกษานโยบายคริปโตอย่างครอบคลุมเพื่อแก้ไขข้อกังวลต่างๆ อีกทั้งยังต้องฝึกอบรมบุคลากร พัฒนาความสามารถ และเปิดทางให้ผู้เล่นต่างๆ เข้าร่วม
อันวาร์สำทับว่า จะร่างเอกสารเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องมีนโยบายคริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและรับรองโดยเร็วที่สุด และย้ำว่า กฎระเบียบสำหรับคริปโตต้องปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล เขายังแสดงความหวังว่า รัฐบาลมาเลเซียจะเปิดกว้างยอมรับพัฒนาการและความท้าทายใหม่ๆ จากอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
ปัจจุบัน ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยและสิงคโปร์ได้นำแนวทางนี้มาใช้แล้วเพื่อพัฒนาฮับคริปโตตามรอยคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกาที่มีแนวทางส่งเสริมคริปโตภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า การเรียกร้องให้มีการกำหนดกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อคริปโตของอันวาร์เกิดขึ้นขณะที่เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์ของมาเลเซียเพิ่งตรวจสอบอุตสาหกรรมนี้อย่างเข้มงวด
วันที่ 27 ธันวาคม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียสั่งให้ Bybit หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดยุติการดำเนินงานในมาเลเซีย โดยกล่าวหาว่า ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่มีใบอนุญาต
ก่อนหน้านั้นไม่นานหน่วยงานเดียวกันนี้ได้เพิ่มบริการคริปโตวอลเล็ต Atomic Wallet ในรายชื่อแจ้งเตือนนักลงทุน และห้ามดำเนินการในมาเลเซียเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม
นอกจาก Atomic Wallet แล้ว รายชื่อที่ต้องแจ้งเตือนนักลงทุนขณะนี้ยังรวมถึงบริษัทชั้นนำอย่าง Paxful, KuCoin และ MEXC โดยระบุว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้บริการในมาเลเซียโดยไม่ได้จดทะเบียน