xs
xsm
sm
md
lg

“บอส นิธิวัชร์” รับไม้ต่อ BKD เบอร์ 1 ของวงการ รับเหมาตกแต่งแห่งอนาคต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Beyond the Future ธุรกิจรับเหมาตกแต่งยุคดิจิทัล เมื่อเทคโนโลยี และความทันสมัยคืออนาคตต่อจากนี้

เป้าหมายหลักของ บอส นิธิวัชร์ ทิพย์อัครยอด ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม บมจ.บางกอก เดด-คอน (BKD) ผู้บริหารหนุ่มกับการลบ Mindset คำว่า "โบราณ" ของธุรกิจรับเหมาออกจากหัวคนไทย

“ทิศทางของ BKD ต่อจากนี้จะต้องเป็นบริษัทรุ่นใหม่ เพราะธุรกิจตกแต่งในสายตาคนทั่วไปค่อนข้างโบราณ จะหาอะไรเข้ามาพัฒนาใหม่ให้ดูเป็นนวัตกรรมยากมาก เราอยากตัดภาพตรงนี้ออกจากหัวของคนไทย และอยากให้มันเป็นธุรกิจที่มีความทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น”

เป้าหมายของบอสไม่ได้เป็นแค่แนวคิดแต่มันมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน เพราะมันคือธุรกิจของครอบครัวกับความหลงใหลที่ฝังใน DNA และความเชี่ยวชาญที่ได้จากการลงมือทำเท่านั้น

บอส เล่าให้ฟังว่า กว่าจะมาถึงวันนี้เขาต้องทำทุกอย่างเรียกได้ว่าอะไรทำได้ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็ต้องหัด ซึ่งเขาถูกส่งไปดูตั้งแต่ต้นยันจบ เริ่มตั้งแต่เป็นพนักงานคุมงานหน้างาน ช่วยนับของ ช่วยยกของ ส่งวัสดุส่งอุปกรณ์ให้ช่าง คุมงาน แทบจะเลื่อยไม้ตัดไม้ เรียกได้ว่าทำมาหมดทุกหน้าที่แล้ว 

พอขึ้นมาอีกสเต็ปก็จะช่วยดูเรื่องประสานงานระหว่างหน้างานกับโรงงานว่าอะไรที่เราสามารถดึงมาให้โรงงานผลิตได้มากขึ้น ต่อจากนั้นเริ่มเข้ามามีบทบาทด้านการบริหาร และเริ่มมีการติดต่อลูกค้า ซึ่งจะต้องดูตั้งแต่การทำต้นทุน การทำราคา ตรวจราคา และจบราคา เรียกได้ว่าผมผ่านมาหมดแล้วตั้งแต่ต้นน้ำเลยทีเดียว


ความหลงใหลที่ถูกฝังอยู่ใน DNA
นั่นเป็นช่วง 9 ปีที่บอสเข้ามาทำงานอย่างจริงจัง แต่ความจริงแล้วเขาซึมซับมันมาตั้งแต่ขี่จักรยานเล่นในโรงงานเฟอร์นิเจอร์และถูกฝังใน DNA จนเกิดความหลงใหลโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่เด็กก่อนจะกลับมาบริหารธุรกิจของครอบครัวด้วยซ้ำ

บอส บอกว่า นั่นอาจเป็นเพราะผมเติบโตมากับธุรกิจนี้ตั้งแต่เด็ก และได้ช่วยงานตั้งแต่ช่วงเรียนแล้วบางรายละเอียดที่เรามาดูแล้วก็คิดได้ เหมือนได้ซึมซับ และฝึกงานไปในตัว ผมเริ่มจากการดูรายละเอียดกับงานตกแต่งบางจุด ซึ่งบางครั้งแบบอาจยังไม่ละเอียดเราก็มาช่วยดูว่าจะทำยังให้มันสามารถผลิตก่อนแล้วนำไปติดตั้งได้เลย ให้จบงานแล้วมันไม่บกพร่อง และดูเรียบร้อย

ตอนเด็กๆ วิ่งเล่นในโรงงาน ก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ หยิบโน่นจับนี่ พอโตมาได้เข้าสถาปัตย์จุฬาฯ จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 พอจบปุ๊บก็รีบเข้ามาทำงานเลยได้พักอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านั้นมีได้สัมผัสงานบ้างคือช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เสาร์-อาทิตย์ยังเข้ามาออฟฟิศ หรือว่าช่วงปิดเทอมถ้าไม่มีโปรเจกต์อะไรกับทางมหาวิทยาลัยจะเข้ามาออฟฟิศด้วย

“ความรู้สึกนี้มันฝังอยู่ในตัวผมจนแทบเรียกว่าอยู่ใน DNA เลยก็ได้ ไม่ว่าผมจะไปเดินห้างหรือที่ต่างๆ สิ่งที่ผมเห็นในหัวมักจะผุดขึ้นมาเป็นโครงร่างและสร้างจิตนาการให้ผมมองงานเหล่านี้เป็นต้นแบบ เป็นขั้นตอนการประกอบงาน และเมื่อผมสังเกตเห็นบางอย่างที่น่าสนใจมักจะเก็บไว้นำไปพัฒนางานของตัวเองต่อไป”

บอส ยังบอกอีกด้วยว่า ทั้งหมดเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและปลายทางในตอนเด็กที่ทำให้ผมตั้งใจว่าจะเข้ามาดูแลงานเพื่อแบ่งเบาภาระการบริหารธุรกิจของครอบครัว แต่ยอมรับว่า จากประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาธุรกิจนี้เป็นงานที่ค่อนข้างเหนื่อย แต่ถึงมันจะเหนื่อยแต่ก็มีเสน่ห์ 


การพัฒนาเทคโนโลยี-นวัตกรรมตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ขีดจำกัดของธุรกิจนี้คือคน และสิ่งที่จะช่วยพันฒนารวมถึงแก้ปัญหานี้ได้คือ นวัตกรรม และเทคโนโลยี โดยบอสบอกถึงเรื่องนี้ว่า ธุรกิจรับเหมาตกแต่งมีข้อจำกัดหลักคือ จำนวนแรงงาน ซึ่งการลดการพึ่งพาแรงงานที่มีอย่างจำกัดนั้นเป็นโจทย์ที่ทุกบริษัทต้องแก้ไข

“ธุรกิจนี้ต้องพึ่งพาแรงงานเป็นหลักทำให้จำนวนแรงงานเป็นจุดอ่อนของทุกบริษัท ซึ่งตอนนี้เอาเข้าจริงมีแรงงานไทยน้อยมากที่อยู่ในธุรกิจรับเหมา มันจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการลดการพึ่งพา และเพิ่มประสิทธิภาพของผลงาน ลดข้อบกพร่องให้ได้มากที่สุด”

ส่วนที่ 2 คือลูกค้าเพราะความต้องการของลูกค้าเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากมาก

"ผมทำมาหมดแล้ว แต่เรื่องที่ยากสำหรับผมคืออ่านใจคน โดยเฉพาะลูกค้า ยกตัวอย่างเรื่องของราคา มันมีหลายแบบมาก บางคนยอมจ่ายแพงขึ้นแต่ของานเร็วขึ้น บางคนให้เราช่วยเปรียบเทียบวัสดุเพื่อเซฟต้นทุน หลังๆ ผมเจอแบบนี้เยอะ เพราะเมื่อก่อนลูกค้าจะไม่ค่อยเชื่อผู้รับเหมา กลัวว่าจะโดนหลอก แต่ตอนนี้ลูกค้าเริ่มเชื่อมั่นแล้ว"

อนาคต BKD ลุยพัฒนาระบบ PREFAB เต็ม 100% ใน 5 ปี
บอส เล่าต่อว่า เมื่อเราเห็นข้อจำกัดนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาระบบ PREFEB ด้วยการผลิตชิ้นส่วนในการประกอบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบวงจรภายในโรงงานก่อนติดตั้ง ทำให้ BKD เป็นบริษัทรับเหมาตกแต่งที่มีการผลิตชิ้นส่วนตกแต่งจากโรงงานเยอะที่สุดในประเทศ

การผลิตชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์จากโรงงานเป็นแนวทางที่เราจะพัฒนาต่อไป ซึ่งจะต้องคิดค้นวิธีผลิตชิ้นส่วนจากโรงงานให้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตอนนี้สามารถผลิตได้ถึง 70% แล้วจากเดิมที่ได้แค่เพียง 10-20% เท่านั้น และเป้าหมายในอีก 5 ปีต่อจากนี้จะต้องผลิตจากโรงงานให้ได้ถึง 100%

“การผลิตจากโรงงานจึงเป็นหนทางที่จะสามารถช่วยได้ โดยแต่ละโครงการของเราจะมีการผลิตจากโรงงานก่อนนำไปประกอบในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 70% การทำแบบนี้เพื่อลดความผิดพลาดและช่วยแก้ปัญหาด้านการพึ่งพาแรงงานได้อีกด้วย”

ตอบโจทย์ดีไซน์หรูหรา เหนือกว่าเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน

บอส ย้ำอีกว่า แรกๆ ลูกค้าก็มีความกังวล แต่บอกได้เลยว่าทั้งความหรูหรา แข็งแรง ทนทานรับรองว่าได้ครบถ้วนทุกอย่าง เพราะชิ้นส่วนที่เราผลิตจากโรงงานสามารถอยู่ได้คงทนยาวนานกว่ามาก และถ้าเป็นปัญหาของรูปแบบน็อกดาวน์ เฟอร์นิเจอร์ที่ประกอบแล้วจะมีรอยต่อ ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานจะปิดลบรอยต่อได้ทำให้การตกแต่งภายในมีความเรียบหรูมากขึ้นไปอีก และลูกค้ายังสบายใจได้อีกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่เราออกแบบมาจากโรงงานจะคงทนยาวนานกว่าการใช้สกรูยึดแบบสินค้าสำเร็จรูปทั่วไป หรือจากการยิงแม็กติดแบบบิลต์อินแน่นอน


ครบจบทุกความต้องการของลูกค้า
อย่างที่บอกว่าความต้องการของลูกค้ามันหลากหลาย และนี่เป็นอีกสิ่งที่ธุรกิจรับเหมาตกแต่งต้องพยามตามให้ทัน โดยบอส เล่าให้ฟังว่า หลักๆ ลูกค้าของ BKD จะเป็นลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งมีมูลค่างานคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่างานรายย่อยอยู่มาก แต่ไม่ใช่ว่ารายย่อยจะไม่โตเพียงแต่มูลค่ามันยังต่างกันอยู่พอสมควร

ในส่วนความต้องการขององค์กรส่วนใหญ่จะเป็นงานที่มีแบบมาแล้ว ซึ่งเรามีจุดแข็งจากเรื่องของราคา เพราะเราสามารถลดขั้นตอนในการซ่อม ลดขั้นตอนในการใช้คน ลดเวลาที่ต้องใช้ในการทำหน้างาน โดยการเซฟต้นทุนตรงนี้จะเปลี่ยนมาเป็นคุณภาพที่ดีขึ้น และชิ้นงานที่ดีกว่าได้ ซึ่งทั้งหมดมาจากการพัฒนาการผลิตชิ้นส่วนจากโรงงานที่บอกไปข้างต้น และเป็นจุดแข็งหลักเลยทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง

เวลาเราเข้าไปนำเสนอจะมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีคือ 1.เชิญลูกค้ามาดูที่โรงงานเลย เพราะเรามีตัวอย่างไว้ให้ดูว่างานที่จบออกมาจะเป็นรูปแบบไหน ดูดีไหม แล้วก็เรียบร้อยแบบไหน ลูกค้าส่วนใหญ่จะพึงพอใจไปแล้วระดับหนึ่ง 2.เรามีการขึ้นตัวอย่างตามแบบของลูกค้าในสถานที่จริงให้ลูกค้าดูเลย ถ้าสถานที่จริงไม่พร้อมเราสามารถใช้พื้นที่ในโรงงานขึ้นงานให้ลูกค้าดูได้เลย และตรวจสอบอีกรอบได้ เขาจะเห็นห้องที่ออกมาเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อที่เข้าจะได้มั่นใจว่างานเราเรียบร้อยจริง 3.เราสามารถพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่าสามารถลดปัญหาด้านราคาได้ด้วย

“โครงการที่มีเวลาจำกัดลูกค้าตกใจเลยว่าเราทำได้ยังไง เพราะมันเร็วมากซึ่งระยะเวลาการทำงานจากเดิมโครงการหนึ่งอาจจะ 1-2 ปี แต่ตอนนี้อย่างยาวสุดเหลือประมาณแค่ 6 เดือนเท่านั้น และค่าเฉลี่ยตอนนี้ก็ต่ำลงไปอีกเหลือแค่ 4-5 เดือนเท่านั้น ทำให้หลายโครงการเริ่มเข้ามาหาเรา เพราะเราผลิตจากโรงงานเป็นหลัก หลายๆ โครงการช่วงแรกๆ ลูกค้าก็งงเหมือนกันว่าทำไมยังไม่มีอะไรมาติดตั้งเลย เราก็ต้องเชิญให้มาดูที่โรงงานว่าของเราเตรียมไว้แบบนี้ แบบนี้ เพื่อให้เขาเห็นว่าเรามีวัสดุรอพร้อมติดตั้ง เมื่อไรพร้อมให้เราเข้าพื้นที่ได้ปุ๊บเนี่ยเราสามารถประกอบได้เลยจนลูกค้าเห็นด้วยกับเราว่า มันเร็วจริงตามที่เราวางแผนไว้”

เทคโนโลยีเสริมแกร่งรับเหมาตกแต่ง
บอส บอกอีกว่า สิ่งที่จะตอบโจทย์รายย่อยนอกจากเรื่องการผลิตจากโรงงานแล้ว เทคโนโลยีใหม่ที่เราจะต่อยอดน่าจะตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ด้วย

“มันจะเป็นเทคโนโลยีติดตามความคืบหน้าของงาน จะคล้ายๆ กูเกิลแมป แต่จะเป็นแมปภายในโครงการ บ้าน ออฟฟิศ โรงแรมอะไรแบบนี้ ลูกค้าก็จะเห็นเหมือนที่เราเห็นเหมือนกัน และอาจจะต่อยอดให้ลูกค้าสามารถออกแบบและเห็นภาพงานที่จะออกมาได้ตั้งแต่เริ่มต้นเหมือนเป็นภาพจำลองแบบงานขึ้นมาได้”

BKD อันดับ 1 แห่งความเชี่ยวชาญเรื่องรับเหมาตกแต่ง
ทั้งหมดนี้ทำให้ BKD เป็นที่ 1 ของธุรกิจรับเหมาตกแต่งได้หรือไม่นั้น? เรื่องนี้ บอสตอบว่า ต่างคนต่างมีจุดแข็ง แต่ละเจ้ามีจุดแข็งของตัวเอง เราก็รู้ว่าจุดแข็งของเราคืออะไร เรารู้ว่าโครงการประเภทไหนผลงานจะออกมาดี ผลลัพธ์ดี ถามว่าเป็นที่ 1 ไหมในส่วนที่เรารู้ว่าเป็นจุดของเราเรามั่นใจว่าเราเป็นที่ 1 เช่น งานโรงแรม งานโรงพยาบาล และเราพยายามพัฒนาตัวเองออกไปในงานประเภทอื่นด้วย

ตั้งเป้าคุมต้นทุนหนุนกำไรโตอีก 5 ปี
บอส บอกอีกว่า เป้าหมายทางธุรกิจต่อจากนี้ 5 ปีในการเข้ามาบริหารของผมจะเน้นการเติบโตของกำไรมากกว่ารายได้รวม โดยรายได้รวมของบริษัทน่าจะยังอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท แต่จะเน้นการเติบโตของกำไรมากกว่า ซึ่งแผนงานต่อจากนี้เราจะให้ความสำคัญ 2 ส่วนด้วยกันคือ 1.ลดต้นทุน 2.การคัดเลือกงานที่มีโอกาสสร้างกำไรมากขึ้น

“1-2 ปีนี้เรายังโฟกัสที่กำไรโดยยังมีเป้ารายได้ประมาณ 1 พันล้านบาทอยู่ แต่จะลดต้นทุน เพื่อเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้นแทน ซึ่งต่อจากนั้นเมื่อเรามีความพร้อมแผนงานต่อไปก็คือการเพิ่มรายได้เมื่อเรารู้สึกมั่นคงก่อนนั้นคือแผนงานในเบื้องต้นของผมก่อนที่จะก้าวต่อไปด้วยการเติบโตทางรายได้”

อย่างไรก็ตาม การทลายขีดจำกัดด้วยการผลิตจากโรงงานเชื่อว่าในอนาคตหากสามารถทำได้ถึง 100% ถึงตอนนั้นเราจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มอีกแน่นอน

“ในแต่ละปีงานมันมีค่อนข้างเยอะเราจะเข้าไปรับหมดทุกงานคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราพยายามขยายประเภทของงานให้หลากหลายขึ้น การเติบโตในแต่ละปีเราต้องหาวิธีทำงานให้มากขึ้น แต่ใช้คนเท่าเดิมจึงทำให้เราต้องพัฒนาการผลิตจากโรงงานให้มากขึ้น เพราะเราซื้อเครื่องจักรมากขึ้นง่ายกว่าการคัดคนที่มีคุณภาพ เพราะเครื่องจักรมันมีสเปกตายตัวอยู่แล้ว แต่คนเราคาดเดาไม่ได้”

ถึงตรงนี้ต้องขอรวบรัดตัดความเลยว่า น่าสนใจและเป็นความท้าทายจริงๆ กับการทรานส์ฟอร์มองค์กรของครอบครัวก้าวไปสู่ความล้ำสมัย และนี่น่าจะทำให้ บอส เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่อีกท่านที่น่าจับตา และเชื่อมั่นในฝีมือได้ว่า เขาคือเขียวที่เกิดจากคราม แต่เข้มกว่าครามอีกท่านอย่างไม่ต้องสงสัย
กำลังโหลดความคิดเห็น