"ยุน ซอก ยอล" อดีต ปธน.เกาหลีใต้ ถูกจับกุม คลื่นใต้น้ำสั่นสะเทือนตลาดคริปโตเกาหลี

สำนักงานสอบสวนการทุจริตของเกาหลีใต้ได้ควบคุมตัว ยุน ซอก ยอล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 15 มกราคม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่อดีตผู้นำถูกรวบตัวเพื่อสอบปากคำหลังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง

นายยุนถูกจับกุมตัวจากบ้านพักในช่วงเช้าของวันที่ 15 มกราคม เพื่อเข้ารับการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีการประกาศใช้ กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังมีการออกหมายจับในเวลา 10.33 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สืบสวนประมาณ 80 นายเข้าร่วมปฏิบัติการ นอกจากนี้ ภาพที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น แพลตฟอร์ม X แสดงให้เห็นยุนขณะกำลังขึ้นรถที่คาดว่าจะพาเขาไปยังสำนักงานสอบสวน


เหตุการณ์ที่นำไปสู่การถอดถอน

กฎอัยการศึกที่ยุนประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ถูกเพิกถอนโดยสภานิติบัญญัติภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมงหลังการประกาศ และเขาถูกถอดถอนจากตำแหน่งในวันที่ 14 ธันวาคม รวมเวลาทั้งสิ้น 11 วัน

ยุนให้เหตุผลว่าการใช้กฎอัยการศึกมีเป้าหมายเพื่อตอบโต้ "ภัยคุกคามจากกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเกาหลีเหนือ" และเพื่อ "กำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐ" อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดแรงกดดันจนกระทั่งนำไปสู่กระบวนการถอดถอน


ผลกระทบต่อวงการคริปโตเคอเรนซีเกาหลีใต้

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเกาหลีใต้ ช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ราคาของบิทคอยน์ (BTC) บนแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอเรนซีในเกาหลีใต้ เช่น Upbit ลดลงเหลือเพียง 92 ล้านวอน (ประมาณ 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งต่ำกว่าราคาบนแพลตฟอร์มอื่นๆ ทั่วโลกถึงประมาณ 30,000 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์สงบลง ราคาบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลที่จับคู่กับวอนเกาหลีเริ่มกลับมาฟื้นตัว ขณะเดียวกัน ในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันก่อนประกาศใช้กฎอัยการศึก ปริมาณการซื้อขายคริปโตในเกาหลีใต้ได้แตะระดับสูงสุดเป็นอันดับสองของปี 2567 โดยมีนักลงทุนให้ความสนใจในเหรียญ altcoin ที่มีศักยภาพสูงจำนวนมาก


ความเป็นไปได้ในการดำเนินคดี

แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำของยุนอาจเข้าข่ายการ "ก่อกบฏ"ซึ่งเป็นความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรงในเกาหลีใต้ โดยอาจต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือในบางกรณีอาจถึงขั้นโทษประหารชีวิต

กรณีของยุน ซอก ยอล ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากทั้งภายในและต่างประเทศ โดยจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดถึงความคืบหน้าของการสอบสวนและการดำเนินคดีต่อไป