xs
xsm
sm
md
lg

CGSI หั่นเป้าดัชนี SET สิ้นปีเหลือ 1,530 จุด ปัจจัยลบทั้งใน-นอกท่วมตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุว่า ปัจจัยลบที่รุมเร้าทั้งจากในและนอกประเทศ ประกอบด้วยนโยบายการค้าของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ การขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ความเสี่ยงด้านการกำกับดูแล และเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนตัว จึงปรับลดเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 มาที่ 1,530 จุด จาก 1,630 จุด ซึ่งจะเท่ากับ P/E 15.3 เท่าในปี 69 หรือ -1.25SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี

กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างช่วยหาเสียงที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค.68 ว่ารัฐบาลมีแผนจะลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาท/หน่วย จากปัจจุบันที่ 4.15 บาท/หน่วย ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ทบทวนข้อเสนอดังกล่าวแล้ว และเตรียมจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนจากภาคเอกชน เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันเรื่องการลดค่าไฟฟ้า แต่ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาท/หน่วยได้เมื่อใด

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า ประเด็นดังกล่าวทำให้บริษัทในกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลสูงขึ้น ซึ่งสองกลุ่มนี้รวมกันคิดเป็น 18% ของมูลค่าตามราคาตลาด (market cap) ของ SET ณ วันที่ 7 ม.ค.68 เท่ากับว่า ปัจจัยเสี่ยงจากการกำกับดูแลนี้อาจกระทบ sentiment ของกลุ่มและตลาด แม้เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการลดค่าไฟฟ้า

พร้อมคาดว่ากลุ่มธนาคารจะประกาศผลประกอบการงวดปี 67 ภายในวันที่ 21 ม.ค.68 ส่วนกลุ่มอื่นจะทยอยประกาศผลประกอบการจนถึงวันที่ 28 ก.พ.68 โดย Bloomberg consensus คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ของธนาคารใหญ่ 5 แห่งจะเติบโต 3% yoy แต่ลดลง 19% qoq ซึ่งผลประกอบการที่อ่อนตัวรวมถึงการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อาจฉุด sentiment การลงทุนในกลุ่มธนาคาร

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่ฝ่ายวิเคราะห์ทำการศึกษาจะทำกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้น 44% yoy และ 39% qoq โดยกลุ่มที่เชื่อว่าน่าจะมีกำไรในไตรมาส 4 เติบโตแข็งแกร่ง yoy คือ กลุ่มขนส่ง กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มอาหาร ซึ่งเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/66 ส่วนกลุ่มที่กำไรสุทธิน่าอ่อนตัว yoy คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มเกษตร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่าตัวเลือกที่ดีในสถานการณ์นี้ คือ หุ้นในกลุ่มปลอดภัยที่น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐและมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลน้อยกว่า ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ขณะที่หุ้น Top pick ของประกอบด้วย AMATA, BCH, BH, CBG, CPN, CRC, MTC และ SCB

ขณะเดียวกัน มองว่าตลาดหุ้นไทยจะมี downside risk หากรัฐบาลทรัมป์ปรับขึ้นภาษีนำเข้า รัฐบาลไทยขอให้ภาคเอกชนสนับสนุนมาตรการลดค่าไฟฟ้า และบริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการอ่อนตัวในไตรมาส 4/67 แต่ตลาดหุ้นจะมี upside risk หากมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาจำนวนมาก และรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่


กำลังโหลดความคิดเห็น