นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (10 ม.ค.) ที่ระดับ 34.55 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.80 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 34.54-34.64 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่เข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้นแถวโซน 2,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงค่ำวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ออกมาบ้าง ก่อนที่จะรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างตามการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างออกมาสนับสนุนเฟดชะลอการลดดอกเบี้ย (โดยเฉพาะ Michelle Bowman และ Jeffrey Schmid) ซึ่งมุมมองดังกล่าวของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดมีส่วนหนุนให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ส่วนต่างบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นกว้างมากขึ้น กดดันค่าเงินเยนญี่ปุ่นในช่วงคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันบ้างจากแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนหลังเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า +1.2% ในช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมน้ำมันดิบได้
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่าเฟดมีโอกาสราว 72% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทจะเผชิญความผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ซึ่งอาจชี้ชะตาแนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะถัดไปได้ โดยจะขึ้นกับการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งจะเริ่มในช่วง 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยในกรณีที่เงินบาททยอยอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้จริง อาจเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ สอดคล้องกับสัญญาณจากกลยุทธ์ Trend-Following ที่เราได้ประเมินไว้ก่อนหน้า แต่หากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลุดโซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน อาจทำให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เงินบาท (USDTHB) จะกลับมาแกว่งตัวในลักษณะ Sideways หรือมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down ได้
ในช่วงระหว่างวันนี้ เราประเมินว่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจยังเป็นการทยอยขายสุทธิสินทรัพย์ไทยได้ ทั้งนี้ เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม หรือยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่านั้นจะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำด้วยเช่นกัน หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านระยะสั้น ทำให้ราคาทองคำเสี่ยงเผชิญความผันผวนลักษณะ Two-Way Volatility ด้วยเช่นกัน โดยเรามองว่า ราคาทองคำอาจมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน หลังรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ในกรณีที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาตามคาด หรือแย่กว่าคาดเล็กน้อย เช่น ยอดการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ถึง 1.6 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวแถว 4.2% หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 4.3% เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง เพิ่มเติมบ้าง จากราว 72% ล่าสุด เป็นมากกว่า 80% ได้ กดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจย่อตัวลงบ้าง หนุนทั้งราคาทองคำและค่าเงินบาท ทว่าเงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าไปมากนัก โดยอาจะยังติดโซน 34.30-34.40 บาทต่อดอลลาร์
แต่หากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน เช่น ยอดการจ้างงานเพิ่มขึ้น เกิน 2.5 แสนตำแหน่ง อย่างที่นักวิเคราะห์ของทาง Bloomberg Economics ประเมินไว้ ส่วนอัตราการว่างงานอาจทรงตัว หรือ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลมากขึ้น ว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 2 ครั้ง ที่ระบุไว้ใน Dot Plot ตามภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยอาจเห็นบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทดสอบโซนแนวต้าน 4.75% ได้ไม่ยาก กดดันราคาทองคำและค่าเงินบาทได้พอสมควร โดยในกรณีนี้อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซน 34.75-34.80 บาทต่อดอลลาร์ได้