xs
xsm
sm
md
lg

ซีอีโอกสิกรฯ มองแบงก์ปี 68 สินเชื่อโตต่ำ หันเน้นรายได้ค่าฟี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ซีอีโอกสิกรไทยมองภาพรวมแบงก์ปีนี้ยังมีโจทย์ท้าทายท่ามกลางเศรษฐกิจที่โตช้า หนี้ครัวเรือนสูง ความไม่แน่นอนจากต่างประเทศ ทำให้การปล่อยสินเชื่อยังเข้มงวด เน้นลูกค้ารายเดิมเป็นหลัก ติดตามคุณภาพหนี้ใกล้ชิด หันเร่งรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยชดเชย และคงเป้าหมายเพิ่ม ROE เป็นเลขสองหลักในปีหน้า

นาฝ ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)
เปิดเผยว่า ธุรกิจธนาคารปีนี้ในด้านของสินเชื่อยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง ตามภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นโดยเฉพาะในภาคต่างประเทศที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในประเทศเองยังมีปัญหาในเชิงโครงสร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือนที่สูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่เท่าเทียม รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ในปีนี้ที่จะยังยากลำบากอยู่ ทำให้อัตราการขยายตัวของสินเชื่อไม่น่าจะสูงนัก เน้นที่กลุ่มลูกค้ารายเดิม ดังนั้น ธนาคารจะเน้นในส่วนของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเวลธ์ ธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ หรือธุรกรรมการชำระเงิน ซึ่งจะเข้ามาทดแทนรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตได้ยาก โดยแผนธุรกิจของธนาคารคาดว่าได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้

"โจทย์แบงก์ปีนี้ยังท้าทายภายใต้เศรษฐกิจที่เติบโตได้ช้า ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง และคุณภาพหนี้ที่ยังต้องทยอยแก้ไข ธนาคารกสิกรไทยจึงยังคงต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยหลักๆ ในปีนี้สินเชื่อปล่อยใหม่ 80% จะเป็นลูกค้าเดิมเพื่อรักษาคุณภาพหนี้ตั้งแต่ต้นทาง ขณะที่ในช่วงกลางจะมีทีมที่มอนิเตอร์ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อให้พบปัญหาและสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที และปลายทางในส่วนที่เป็นเอ็นพีแอลแล้ว จะมีบริษัทบริหารหนี้เจเค เอเอ็มซี และอรุณมาบริหารจัดการ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อต้นทางระมัดระวัง ปลายทางมีส่วนนี้เข้ามาจัดการจะทำให้คุณภาพหนี้ของธนาคารดีขึ้น จากช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว"

สำหรับเป้าหมายการเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มเป็นตัวเลขสองหลักจากปัจจุบันที่ 9.47% ในปี 2569 นั้น ธนาคารยังคงเร่งดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องมาจากหลายๆด้านทั้งการยกระดับ หรือนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องพยายามที่จะพัฒนา นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ให้ตรงใจผูับริโภคมากขึ้นเพื่อเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง

"หลายคนมองว่ากำไรของระบบธนาคารพาณิชย์สูง ถ้ามองเป็นตัวเลขแล้วก็สูง แต่หากเปรียบเทียบ ROE ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยกับธนาคารประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแล้ว ROE ของไทยต่ำสุด ที่อื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งธนาคารจะต้องพยายามดูแลให้เกิดความสมดุลในทุกๆ ฝ่ายให้ดีที่สุด"

**รอความชัดเจน กม.**
สำหรับกรณีที่ทางการจะมีการออกกฎหมายเพื่อให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมีส่วนร่วมรับผิดชอบหากประชาชนถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกดูดเงินออกบัญชีนั้น น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า คงจะต้องรอดูตัวกฎหมายที่จะออกมาให้ชัดเจนก่อน สิ่งที่สำคัญคือวิธีการที่พิสูจน์ให้ได้ว่าปัญหาในแต่ละรายเป็นความผิดพลาดของส่วนงานหรือบุคคลไหน เพื่อความเป็นธรรมในการรับผิดชอบ และเป็นแนวทางในการแก้ไขได้ถูกทาง รวมถึงเพื่อให้ตัวผู้ใช้บัญชีเองยังคงมีการใช้งานที่ระมัดระวัง

"ในประเทศอื่นๆ มีการให้สถาบันการเงินกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมีส่วนร่วมรับผิดชอบกรณีมิจฉาชีพ แต่มีเกณฑ์ที่จะนำมาซึ่งการพิสูจน์ได้ว่าความรับผิดชอบในกรณีนั้นๆ ควรจะตกอยู่กับใคร แต่หากโอนความรับผิดชอบร่วมมาที่แบงก์หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์ด้วยในทุกกรณี อาจทำให้ผู้ใช้ขาดความระมัดระวัง และประสบเหตุมากขึ้นด้วย"
กำลังโหลดความคิดเห็น