xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.-ตลท. ต้องปัดกวาดตลาดหุ้น (จบ) / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การจัดตั้งตลาดหุ้นมีเป้าหมายสำคัญ เพี่อเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทเอกชน และเป็นแหล่งลงทุนของประชาชน แต่เจตนารมณ์การนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในปัจจุบันผิดเพี้ยนไปแล้ว

เจตนารมณ์การตั้งตลาดหุ้นเพื่อเป็นแหล่งลงทุนยังดำรงอยู่เหมือนเดิม โดยประชาชนมองตลาดหุ้นเป็นอีกทางเลือกของการลงทุน และต้องการผลตอบแทนที่ดีจากการซื้อหุ้น

แต่เจตนารมณ์การเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อขยายกิจการ และนำผลตอบแทนคืนกลับผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลงไป

เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้าของบริษัทที่นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จำนวนไม่น้อยมีเป้าหมายเข้ามากอบโกยความมั่นคั่งจากตลาดหุ้นเท่านั้น และพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล ไม่สำนึกในความผิดชอบชั่วดี ไม่ตระหนักถึงกฎเกณฑ์ใดๆ

และไม่ใส่ใจในผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้ลงทุน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสองหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่กำกับดูแลตลาดหุ้น และปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุน จึงต้องปรับทัศนคติเกี่ยวกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนใหม่

อย่ามองโลกสวย อย่าคิดว่าผู้บริหารจดทะเบียนทั้งหมดเป็นคนดีมีศีลธรรม ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด และต้องการเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น

แต่ต้องมองโลกอย่างเป็นจริง ต้องยอมรับว่า มีโจรในคราบผู้บริหารจดทะเบียน ทั้งบริษัทจดทะเบียนใหม่และบริษัทจดทะเบียนเดิม ซึ่งพร้อมปฏิบัติการปล้นประชาชนผู้ลงทุนในทุกรูปแบบ และทุกเวลาที่มีโอกาส

และเปิดปฏิบัติการปล้นนักลงทุนในตลาดหุ้นมาตลอดเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่หลุดรอดลอยนวล ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการปล้นอย่างซ้ำซาก

นักลงทุนนับแสนนับล้านคนต้องตกเป็นเหยื่อ เซ่นสังเวยโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เงินออมที่สะสมมาทั้งชีวิต ต้องสูญสิ้นไปกับตลาดหุ้น

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไม่อาจปกป้องนักลงทุนได้ ไม่สามารถเยียวยาใดๆ แม้ความล่มสลายของบริษัทจดทะเบียนนับร้อยแห่ง จะเกิดขึ้นจากการทุจริตของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนก็ตาม

ปฏิบัติการปล้น ต้มตุ๋น หลอกลวงนักลงทุน ทั้งไซฟ่อนผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ตั้งแต่บัญชีงบการเงินแหกตาสาธารณชน เกิดขึ้นนับแต่คดีหุ้น บริษัทราชาเงินทุนเมื่อ 45 ปีก่อน จนถึงหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK

แต่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีมาตรการใดป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นซ้ำซากได้

แม้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์จะประกาศยืนยันว่า ได้ปรับมาตรการกำกับดูแล ตรวจสอบและควบคุมบริษัทจดทะเบียนที่เข้มข้นมากขึ้น แต่พฤติกรรมการฉ้อโกงนักลงทุน ผ่องถ่าย ไซฟ่อนเงินออกจากบริษัทจดทะเบียนจากการทำธุรกรรมในรูปแบบต่างๆ และการปั่นราคาหุ้นก็ยังดำเนินต่อไป

การหลอกลวง ปล้นเงินนักลงทุนจะยังอยู่คู่กับตลาดหุ้น จนกว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลจะกวาดล้างโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนให้สิ้นซาก ประชาชนผู้ลงทุนจึงจะนอนตาหลับ

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ต้องค้นหาจุดบกพร่องหละหลวมในการกำกับดูแลตลาดหุ้น ต้องตระหนักถึงความเสียหายของผู้ลงทุน และร่วมกันปัดกวาดตลาดหุ้นให้ใสสะอาด เพื่อให้เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดจากอาชญากรรม โดยทบทวนนโยบายหรือมาตรการกำกับดูแลใหม่ทั้งหมด

เริ่มตั้งแต่นโยบายการรับบริษัทจดทะเบียนใหม่ ซึ่งต้องล้มเลิกเป้าหมายการรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ และปล่อยหุ้นเน่าๆ เข้ามาปล้นนักลงทุน

ส่วนบริษัทจดทะเบียนเดิมจะต้องทบทวนมาตรการกำกับ ควบคุมดูแลให้เข้มข้น มีผลบังคับใช้ที่เด็ดขาด และลงโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่กระทำผิดอย่างจริงจัง รวมทั้งการดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด โดยไม่ละเว้น เลือกปฏิบัติ หรือเห็นแก่หน้าใคร

ธุรกรรมทางธุรกิจ การค้า และการลงทุน ซึ่งเป็นเส้นทางการยักย้าย ถ่ายเทเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน จะต้องหามาตรการปิดช่องโหว่ให้หมด ไม่ว่าจะต้องปรับปรุงกฎระเบียบหรือแก้กฎหมายก็ตาม

เพราะทุกวันนี้ เมื่อมีธุรกรรมอันต้องสงสัยว่า ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไซฟ่อนเงิน โกงผู้ถือหุ้นรายย่อย ก.ล.ต.หรือตลาดหลักทรัพย์ ทำได้เพียงสั่งให้บริษัทจดทะเบียนชี้แจงข้อมูลธุรกรรมเพิ่มเติมเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ลดปัญหาการไซฟ่อนเงินของบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด

และไม่ได้ทำให้โจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหวั่นเกรงแม้แต่น้อย

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นซบเซาหลายปีติดต่อ นักลงทุนเกือบ 3 ล้านคนแทบจะหมดตัวกันอยู่แล้ว แต่ยังถูกโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนคอยดักปล้นอีก

ตลาดหุ้นไทยนอกจากมองไม่เห็นอนาคตความสดใสแล้ว ยังมีปัญหาเป็นแหล่งอาชญากรรมที่ฟอนเฟะซ้ำเติมอีก จนนักลงทุนต่างชาติ

นักลงทุนต่างชาติทยอยเทขายหุ้นทิ้ง ช่วง 6 ปีที่ผ่านมาขายหุ้นประมาณ 6 แสนล้านบาท ขนเงินกลับบ้าน

ส่วนนักลงทุนไทยที่ยังไม่หมดตัว ก็เลือกที่จะไม่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ย้ายเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ

ไม่มีสัญญาณว่า อีกเมื่อไหร่จะเกิดการปฏิรูปตลาดหุ้นครั้งใหญ่ เพื่อให้เป็นแหล่งระดมทุนและลงทุนที่ขาวสะอาด มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ประชาชนผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า จะได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างแท้จริง

เช่นเดียวกัน ไม่มีสัญญาณว่า อีกเมื่อไหร่ตลาดหุ้นไทยจะฟื้น








กำลังโหลดความคิดเห็น