xs
xsm
sm
md
lg

ปี 68 คอนโดฯลักชัวรี ‘พัทยา’ คึกคัก รับดีมานด์ต่างชาติ-ท่องเที่ยวพีกสุดๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"คอลลิเออร์สฯ" คาดในปี 67 คอนโดฯ เปิดขายใหม่ในชลบุรีมากถึง 20 โครงการ กว่า 10,000 ยูนิต เม็ดเงินลงทุนกว่า 43,000 ล้านบาท ปักเลือกเลือกทำเลขึ้นคอนโดฯ ในพัทยาถึง 13 โครงการ หาดจอมเทียนได้รับความนิยม ผู้ประกอบการแบรนด์ใหญ่เข้าพัฒนาโครงการชิงกำลังซื้อและขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น ปี 68 คอนโดฯ ระดับลักชัวรีกลับมาคึกคัก

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวถึงจังหวัดชลบุรี หนึ่งในจังหวัดสำคัญในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของภาคการลงทุนจำนวนมาก โดยเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาคึกคักเป็นอย่างมากในปี พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา และถือว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือนของผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่

สำหรับในปี พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมากถึง 20 โครงการ 10,437 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมถึง 43,285 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาจำนวน 13 โครงการ 7,897 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 38,700 ล้านบาท และนอกเขตพื้นที่พัทยาจำนวน 7 โครงการ 2,540 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 4,585 ล้านบาท และจากอุปทานการเปิดตัวกล่าว นับว่าเป็นอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยา

แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่าในปี พ.ศ.2567 ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยากลับมาคึกคักอีกครั้ง อุปทานเปิดตัวใหม่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้ว่าหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อุปทานใหม่กลับมาเปิดตัวอีกครั้ง และส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาของผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานครและผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ เช่น บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บจ.ริเวียร่า กรุ๊ป บมจ.แสนสิริ และ บมจ.แอสเซทไวส์ เป็นต้น

โดยพบว่าปี พ.ศ.2567 ที่ผ่านมาอุปทานเปิดขายใหม่ 13 โครงการ 7,897 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 38,700 ล้านบาท และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่จอมเทียน

แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ตั้งแต่ครึ่งแรกปี พ.ศ.2554-ปีพ.ศ.2567 มีอุปทานเปิดขายใหม่ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาทั้งหมด 116,075 ยูนิต โดยพบว่าในพื้นที่ย่านจอมเทียนมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 39.66 ตามมาด้วยในพื้นที่เขาพระตำหนัก คิดเป็นร้อยละ 18.82 และในพื้นที่ใจกลางเมืองพัทยา คิดเป็นร้อยละ 18.70 แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นปี พ.ศ.2567 จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 47,800 ยูนิต สามารถขายออกไปแล้วประมาณ 36,471 ยูนิต คิดเป็นร้อยละ 76.29 เหลืออุปทานรอการขายอีก 11,329 ยูนิตคิดเป็นร้อยละ 23.71 

โดยพบว่าในพื้นที่ใจกลางเมืองพัทยามีอัตราการขายที่สูงที่สุดที่ร้อยละ 87.28 ตามมาด้วยในพื้นที่จอมเทียน ร้อยละ 79.49 และในพื้นที่ย่านนาจอมเทียน ร้อยละ 74.12 โดยพบว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นจำนวนมาก หลายโครงการสามารถปิดการขายได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมริมชายหาดทั้งในพื้นที่วงศ์อมาตย์ และจอมเทียน เนื่องจากอุปทานคอนโดมิเนียมเหล่านี้ค่อนข้างมีอยู่อย่างจำกัด และมียูนิตรอการขายที่ค่อนข้างน้อย

แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาในปี พ.ศ.2568 จะยังคงเป็นทำเลที่โดดเด่น และมีอุปทานเปิดขายใหม่อย่างคึกคักทั้งในพื้นที่ใจกลางพัทยา จอมเทียน นาจอมเทียน วงศ์อมาตย์ และคาดการณ์ว่าอาจมีคอนโดมิเนียม Branded Residence หรือคอนโดฯ ระดับลักชัวรีเปิดขายใหม่ ซึ่งเป็นการพัฒนาโดยผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยากลับมาคึกคักอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พัทยายังมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่จะมีศักยภาพในการเปิดโครงการ ไม่ว่าจะเป็นของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่มีแลนด์แบงก์ในมือ ขณะที่บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาฯ ในพัทยา ยังได้เตรียมนำที่ดินติดหาด 100 ไร่ มีแผนพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส คาดใช้เงินลงทุน 10,000 ล้านบาท หรือแม้แต่บริษัท ออเนอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมเมืองพัทยา ในปีที่ผ่านมา มีการลงทุนเปิดไปแล้ว 6 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท

โดยตลาดในพัทยาจะมีความแตกต่างกับภูเก็ต โดยมีผสมผสานระหว่างผู้ซื้อที่เป็นคนไทยและต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ รัสเซีย จีนจะเป็นหลักในตลาดที่เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม และในอนาคตยังมีศักยภาพที่เมืองการบินอู่ตะเภา สามารถรองรับการลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ตามแผนของรัฐบาล และยังมีเรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบินอีก ล้วนแล้วแต่เพิ่มกำลังซื้อใหญ่ที่จะเติมเข้ามาในพัทยาอีกจำนวนมาก เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น