Cango บริษัทสินเชื่อรถยนต์สัญชาติจีน ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์ และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของวงการนี้แม้นโยบายทางการจีนจะประกาศแบนบิทคอยน์
จากการเปิดเผยของ coindesk ระบุว่าในช่วงปลายปี 2567 Cango ได้เข้าซื้อกำลังการขุดบิทคอยน์ขนาด 50 EH/s (exahashes per second) ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรม
Cango แพลตฟอร์มให้บริการธุรกรรมยานยนต์จากประเทศจีน ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้และมีมูลค่าตลาดประมาณ 363 ล้านดอลลาร์
บริษัทเริ่มต้นเข้าสู่วงการขุดบิทคอยน์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยใช้เงิน 400 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกำลังขุดขนาด 50 EH/s ทำให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ขุดบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกทันที
นอกจากนี้ Cango ยังมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Bitmain ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องขุดบิทคอยน์อีกด้วย
Cango จ่ายเงินสด 256 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกำลังขุด 32 EH/s จาก Bitmain และยังออกหุ้นมูลค่า 144 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกำลังขุดอีก 18 EH/s จาก Golden TechGen บริษัทที่เป็นเจ้าของโดย Max Hua อดีต CFO ของ Bitmain รวมถึงผู้ขายเครื่องขุดรายอื่น ๆ
เมื่อการทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ Golden TechGen และผู้ขายรายอื่น ๆ จะถือหุ้นใน Cango ประมาณ 37.8%
การเข้าสู่วงการขุดบิทคอยน์ของ Cango ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยราคาหุ้นของบริษัทปิดปี 2567 ที่ 4.56 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 362% จากต้นปี
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยดึงดูดความสนใจของตลาดและนักลงทุนได้อย่างมาก
ในอดีต Cango เป็นเพียงหนึ่งในผู้เล่นตลาดสินเชื่อรถยนต์ ก่อนจะเริ่มขยายธุรกิจออกไปในหลายด้าน เช่น การส่งออกรถยนต์จากจีนไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก รวมถึงการลงทุนใน Li Auto ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ก่อนที่จะเข้าสู่วงการพลังงานหมุนเวียนและการขุดบิทคอยน์
จูเลียต เย่ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารของ Cango ระบุว่า "การขุดบิทคอยน์เป็นวิธีที่ดีมากในการปรับสมดุลระบบพลังงาน ผู้ขุดบิทคอยน์สามารถเปิดหรือปิดเครื่องขุดได้ตามความต้องการพลังงานในพื้นที่ เช่น ในรัฐเท็กซัสที่สนับสนุนการขุดบิทคอยน์ในช่วงที่การใช้พลังงานต่ำ และจ่ายเงินให้ผู้ขุดปิดเครื่องในช่วงที่ความต้องการพลังงานสูง"
เมื่อเครื่องขุดทั้งหมดของ Cango เริ่มดำเนินการเต็มที่ บริษัทจะถือครองกำลังขุดประมาณ 6% ของเครือข่ายบิทคอยน์ทั้งหมด
หากเปรียบเทียบกับ MARA Holdings ซึ่งเป็นผู้ขุดบิตคอยน์รายใหญ่ที่สุดในตลาด ถือครองกำลังขุดประมาณ 47 EH/s ขณะที่ CleanSpark และ Riot Platforms ถือครอง 32 EH/s และ 26 EH/s ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม Cango ยังคงพึ่งพา Bitmain ในการจัดการและดูแลการดำเนินงานขุดบิทคอยน์ โดยเครื่องขุดของบริษัทถูกติดตั้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ปารากวัย และเอธิโอเปีย
Cango ตั้งเป้าที่จะสร้างทีมขุดของตนเองในอนาคตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Cango สามารถขุดบิทคอยน์ได้ 363.9 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 35 ล้านดอลลาร์
ทาง Cango ระบุว่าพวกเขาจะไม่ปฏิเสธโอกาสในการขายบิทคอยน์บางส่วนหากตลาดเอื้ออำนวย
การเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์ของ Cango เป็นสัญญาณของการยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีในระดับองค์กร
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายการดำเนินงานต่อไป และอาจรวมเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับบริการทางการเงินในอนาคต
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงช่วยกระจายรายได้ของ Cango แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการยอมรับคริปโตฯ ในวงกว้าง และการนำมาใช้ในระดับองค์กรที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก