หุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA กลับมาเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกครั้ง หลังสร้างความผันผวนกับตลาดหุ้นในวันแรกที่เปิดการซื้อขายปี 2568 หรือวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นที่ทรุดลงแรง มีส่วนสำคัญที่ฉุดให้ดัชนีหุ้นลดลงกว่า 20 จุด
การประกาศนำมาตรการทางภาษีใหม่ GLOBAL MINIMUMTAX ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ทันที่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 โดยจะเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลบริษัทข่ามชาติขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และมีรายได้เกิน 750 ล้านยูโร หรือประมาณ 26,000 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีขั้นต่ำ 15% ของกำไรสุทธิ จุดชนวนการเทขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ DELTA
ราคาหุ้น DELTA ทรุดลงมาปิดที่ 139 บาท ลดลง 13.50 บาท ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น 6,240.38 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายมากที่สุดประจำวัน
นักลงทุนพากันเทขายหุ้น DELTA เพราะคาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจาก GLOBAL MINIMUMTAX และต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ทำให้ผลกำไรสุทธิลดลง
DELTA เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้น มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เกตแคป 1.78 ล้านล้านบาท คำนวณจากราคาปิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 โดยลดลงจากจุดปิดวันก่อนหน้าหรือวันที่ 30 ธันวาคม ที่มีมาร์เกตแคป 1.90 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตลาดรวมจำนวน 17.24 ล้านบาท มาร์เกตแคป DELTA จะมีสัดส่วน 9.68% ของมาร์เกตแคปรวมของตลาด และมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี 134 จุด
การขึ้นลงของหุ้น DELTA ทุก 1 บาท จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนีประมาณ 1 จุด
ดัชนีที่ดิ่งลงกว่า 20 จุด ในการเปิดซื้อขายประเดิมวันแรกของศักราชใหม่ปี 2568
หุ้น DELTA จึงเป็นตัวการสำคัญ และทำให้ภาพตลาดหุ้นโดยรวมดูเหมือนเกิดความผันผวนรุนแรง ทั้งที่หุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับตัวลง
หลายปีแล้วที่หุ้น DELTA เป็นตัวการสำคัญที่บิดเบือนภาพการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะบางครั้งภาพการลงทุนโดยรวมซบเซา แต่หุ้น DELTA ที่ขึ้นแรงเพียงตัวเดียว สามารถดึงดัชนีให้เป็นสีเขียวหรือเป็นบวกได้ ทั้งที่หุ้นส่วนใหญ่ในกระดานซื้อขายแดงฉาน
เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่หุ้น DELTA เพียงตัวเดียวทำให้ดัชนีแดงแป๊ด
ปัญหาราคาหุ้น DELTA ที่เคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างร้อนแรง ตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า เป็นผลจากฟรีโฟลท หรือสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยต่ำ เมื่อมีแรงซื้อแรงขายเข้ามามาก จึงทำให้ราคาปรับตัวขึ้นหรือลงสูง ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อยของ DELTA มีจำนวน 22,655 ราย สัดส่วนการถือหุ้นรวม 23.08% ของทุนจดทะเบียน ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น 8 มีนาคม 2567
ฟรีโฟลทของ DELTA ไม่ต่ำเสียทีเดียว และไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่กำหนดว่า บริษัทจดทะเบียนจะต้องมีผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ต่ำกว่า 150 คน หรือมีสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ถือหุ้นรายย่อยของ DELTA อาจเปลี่ยนแปลง หรือมีจำนวนลดลง เพราะราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาตลอด อาจทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเทขายหุ้นออกทำกำไร ซึ่งจะต้องรอดูตัวเลขฟรีโฟลท DELTA ล่าสุด หลังปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเดือนมีนาคมนี้
ค่าพี/อี เรโช DELTA ยังคงสูงปรี๊ดคือประมาณ 82 เท่า ราคาหลักทรัพย์ต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 23 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก และแม้ตลาดหลักทรัพย์จะเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขายและใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหลายครั้งแล้ว
แต่ไม่อาจสยบ DELTA ได้
จะถอด DELTA ออกจากการคำนวณดัชนีก็ไม่ได้ เพราะ DELTA ไม่ได้ทำผิดหลักเกณฑ์ใด ถ้ายก DELTA ออกจากการคำนวณดัชนีจะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติ
สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ทำอยู่คือ การออกดัชนีใหม่ SET50 FF โดยเป็นดัชนีที่คำนวณจากหุ้นขนาดใหญ่ 50 บริษัทที่มีฟรีโฟลทสูง เพื่อสะท้อนภาพตลาดหุ้นที่ไม่ถูกบิดเบือนจาก DELTA และใช้อ้างอิงผลตอบแทนของนักลงทุนสถาบันหรือกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
แต่ SET50FF ก็ไม่เป็นที่นิยม และไม่รู้ว่านักลงทุนสถาบันหรือกองทุนต่างๆ นำไปใช้อ้างอิงผลตอบแทนเพียงใด
เพราะนักลงทุนทั่วโลกชินกับการอ้างอิงหรือติดตาม SET หรือดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์มาเกือบ 50 ปี
ความพยายามทำให้นักลงทุนทั้งโลกหันมาอ้างอิง SET50FF อาจต้องล้มเหลว เช่นเดียวกับดัชนีอีกหลายตัวที่ตลาดหลักทรัพย์สร้างขึ้น แต่แทบไม่มีนักลงทุนใส่ใจ
DELTA ยังคงทำหน้าที่เป็นหุ้นตัวป่วนอยู่ต่อไป แต่ยังไม่มีมาตรการที่เด็ดขาดในการสยบหุ้นขนาดยักษ์ตัวนี้
ฝ่ายบริหารตลาดหลักทรัพย์คงจนปัญญาแล้ว ใครมีทางออกดีๆ แก้ปัญหาตลาดหุ้นถูกบิดเบือนจากหุ้น DELTA เพียงตัวเดียวได้
ช่วยสงเคราะห์ แนะนำวิธีแก้ปัญหา DELTA ให้ตลาดหลักทรัพย์ทีเถอะ