นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (3 ม.ค.) ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.39 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมาที่ระดับ 34.24 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.50 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวต้าน 34.30 บาทต่อดอลลาร์ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางบรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ยังคงหนุนความต้องการถือเงินดอลลาร์อยู่ นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม ทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และดัชนี S&P PMI ภาคการผลิตต่างก็ออกมาดีกว่าคาด
อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า ธนาคารกลางหลักอื่นๆ ทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้มากกว่าเฟดพอสมควร ทำให้ธีม US Exceptionalism ยังคงหนุนเงินดอลลาร์อยู่ พร้อมกดดันให้บรรดาสกุลเงินหลัก อย่างเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงเกือบ -1% ในช่วงคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถกลับมาแกว่งตัวแถวโซน 2,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้โดยรวมเงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง จนทะลุโซนแนวต้านถัดไป 34.50 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะอยู่ที่รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ โดย ISM (ISM Manufacturing PMI) ในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด (Thomas Barkin) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทเริ่มมีกำลังมากขึ้น ทำให้เงินบาทอาจยังไม่สามารถทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจนอย่างที่เราเคยประเมินไว้ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม (ซึ่งต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดลงบ้าง) อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า หากประเมินด้วย ตามกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้อ่อนค่าลงจนทะลุโซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์อย่างชัดเจน ทั้งนี้ โซนแนวรับของเงินบาทอาจขยับสูงขึ้นบ้างสู่ช่วง 34.20 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่าควรจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงระยะสั้นนี้ การที่เงินบาทไม่ได้อ่อนค่าลงหนัก ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำด้วยเช่นกัน ซึ่งหากราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงและกลับเข้าสู่ช่วงการปรับฐานอีกครั้ง อาจกลับมาเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินดอลลาร์ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี เรามองว่า การปรับตัวขึ้นต่อของเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกัดและมีโอกาสที่จะเห็นการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ได้ หากประเมินจากปัจจัยเชิงเทคนิคัล ที่ยังคงเห็นสัญญาณลักษณะ Bearish Divergence บนดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) พร้อมกับการเกิดภาพ Bullish Divergence บนสกุลเงินหลัก อย่าง เงินยูโร (EUR) ทว่า เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าได้บ้างจริงหรือไม่นั้น อาจต้องรอลุ้นรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยหากดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตออกมาตามคาด หรือแย่กว่าคาด อาจช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้บ้าง ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า ทั้งดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ และข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ