ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปิดการซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2567 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,400.21 จุด ลดลง 1.25 จุด หรือ 0.09% จากวันก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 31,842.20 ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่หยุดทำการในช่วงเทศกาลปีใหม่
ในปี 2567 ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลง 15.64 จุด หรือ 1.10% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ที่ปิดที่ 1,415.85 จุด นับเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
นักลงทุนต่างชาติยังคงมีแนวโน้มขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มียอดขายสุทธิรวม 147,940 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิต่อเนื่องจากปี 2566 ที่มียอดขายสุทธิ 192,082 ล้านบาท
สำหรับสถิติการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น พบว่า การระดมทุนในปี 2567 มีบริษัทเข้าไอพีโอทั้งสิ้น 32 บริษัท มูลค่าระดมทุนจำนวน 20,450 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอที่ 112,806 ล้านบาท
โดยบริษัทจดทะเบียนที่เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทย (SET) ในปี 2567 มีทั้งสิ้น 14 บริษัท มูลค่าระดมทุน 15,015 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอที่ 94,790.82 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่เข้าซื้อขายหลักทรัพย์เอ็มเอไอ มีบริษัทเข้าซื้อขายหุ้น IPO ทั้งสิ้น 18 บริษัท มูลค่าระดมทุน 4,435.27 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 18,015 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลต่อดัชนีที่โดดเด่นน่าสนใจในวันสุดท้ายของปี ได้แก่ หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA และ CCET และกลุ่มพลังงาน เช่น PTT, GULF, และ BCP มีบทบาทในการหนุนดัชนี ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว เช่น ERW, CENTEL, และ MINT มีการปรับตัวลดลงและกดดัชนี
ขณะที่หุ้นที่มีความเคลื่อนไหวโดดเด่น ได้แก่ MALEE ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.63% โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 บริษัทจะมีการเติบโตราว 24% หลังจากต้นทุนการผลิตกลับสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้ CCET และ SAWAD ซึ่งคาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรกของปี 2568 ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ด้าน BH ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.01% โดยมีการซื้อขายที่ Forward PE ปี 2568 ที่ 19.5 เท่า ต่ำกว่า -1.0SD ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว ขณะที่ TRUE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.91% โดยได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และอยู่ในกระแสของเทคโนโลยี Data Center, Cloud และ AI
ส่วน BTS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.27% หลังได้รับเงิน 14,500 ล้านบาท จากกรุงเทพมหานครในส่วนของการรับจ้างเดินรถ (O&M) ซึ่งจะช่วยปรับปรุงสถานะทางการเงินของบริษัท
อย่างไรก็ดี ภาพรวมสรุปตลาดหุ้นไทยในปี 2567 ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนการลงทุนในปีต่อไป