xs
xsm
sm
md
lg

“กองทุน-รายย่อย” ใกล้สูญพันธุ์จากตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2535 โดยถูกวางบทบาทไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ไม่ให้เกิดความผันผวนรุนแรง แต่ปัจจุบันกองทุนรวมในประเทศไม่อาจดำรงบทบาทตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ เพราะแม้แต่การรักษาฐานะตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมมีจำนวน 28 แห่ง และอยู่ในฐานะที่ลำบาก เพราะภาวะตลาดหุ้นที่ตกต่ำยาวนาน ทำให้ผลตอบแทนจากกองทุนหุ้นเป็นติดลบ กองทุนตราสารหนี้มีปัญหาหุ้นกู้ที่เบี้ยวหนี้ ขณะที่กองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF ซึ่งนักลงทุนลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปี ต้องขาดทุนเฉลี่ยประมาณ 30%

ประชาชนหมดความนิยมลงทุนผ่านกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่หันไปลงทุนกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ

มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนหุ้นลดฮวบลง ตามราคาหุ้นที่กองทุนซื้อไว้ เงินก้อนใหม่จากนักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มไม่มีเข้ามา เพราะนักลงทุนไม่เห็นโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากตลาดหุ้น

บทบาทของกองทุนรวมหุ้นจึงลดลงมากเมื่อเทียบกับอดีต

ถ้าไม่มีกองทุนรวมวายุภักษ์ หอบเงินเข้ามา 150,000 ล้านบาท มูลค่าซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศจะเหลือสัดส่วนที่น้อยมาก และกลายเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ไม่มีบทบาทใดในความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น

นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มียอดซื้อหุ้นสะสมสุทธิไม่ต่ำกว่า 600,000 ล้านบาท และเป็นหุ้นต้นทุนสูงที่แบกผลขาดทุนไว้ โดยแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยอ่อนล้าเต็มที และตกอยู่ในสภาพหมดกำลังซื้อ

ถ้าตลาดยังฟุบยืดเยื้อ นักลงทุนรายย่อยจะเริ่มสูญพันธุ์ เพราะนักลงทุนหน้าใหม่ไม่เข้าตลาดหุ้น ส่วนนักลงทุนหน้าเก่าทยอยบาดเจ็บล้มตาย

กองทุนรวมหุ้นไม่ได้อยู่ในฐานะที่แตกต่างจากนักลงทุนรายย่อยเท่าใดนัก เพราะกำลังเฉาตาย ผลตอบแทนติดลบ จนประชาชนไม่สนใจลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้มูลค่ากองทุนรวมหุ้นทั้งระบบลดฮวบลง

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมต้องหนีตาย โดยหันไปแนะนำให้นักลงทุนย้ายเงินไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และกองทุนหุ้นต่างประเทศกำลังโตวันโตคืน แต่กองทุนรวมหุ้นไทยกลับแฟบลง

นักลงทุนรายย่อยและกองทุนรวมในประเทศ เคยเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดหุ้น แต่นักลงทุนทั้งสองกลุ่ม กำลังอ่อนล้า หมดแรงซื้อ และกลายเป็นตัวประกอบที่ไร้บทบาทในการชี้นำตลาดหุ้น

ไม่ใช่นักลงทุนกลุ่มที่จะพลิกฟื้นตลาดหุ้นให้กลับมาคึกคัก และจะหวังแรงซื้อจากพอร์ตโบรกเกอร์ก็ไม่ได้ เพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ต้องพยายามประคับประคองตัวเองให้รอด ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน มูลค่าซื้อขายหุ้นลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ค่านายหน้าซื้อขาย จนผลประกอบการขาดทุนกันเป็นแถว

ไม่มีโบรกเกอร์ใดนำเงินมาเสี่ยงกับตลาดหุ้นที่มองไม่เห็นสัญญาณฟื้น

ความหวังของตลาดหุ้นไทยเหลือเพียงทางเลือกเดียว ทำอย่างไรก็ได้จะดึงนักลงทุนต่างชาติหวนกลับเข้ามาลงทุน

ถ้าต่างชาติไม่กลับ นักลงทุนในประเทศ เตรียมใจก้มหน้ารับชะตากรรม หุ้นฟุบยืดเยื้อยาวนานแน่

ปี 2566 และปี 2567 ต่างชาติเทขายหุ้นต่อเนื่อง รวม 2 ปีกว่า 3.4 แสนล้านบาทแล้ว และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นโงหัวไม่ขึ้น

ปี 2568 ถ้าฝรั่งยังไม่กลับ และเทขายหุ้นต่อ ตลาดหุ้นไทยจะปักหัวลง เพราะนักลงทุนในประเทศซื้อจนหมดเงินแล้ว

จะหว่านล้อม ชักชวน ดึงนักลงทุนต่างชาติกลับมาตลาดหุ้นไทยได้อย่างไร เป็นการบ้านชิ้นใหญ่ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

ถ้าภารกิจพาฝรั่งกลับมาไม่สำเร็จ ปีหน้าตลาดหุ้นไทยเฉาหนัก กองทุนรวมหุ้นไทยและนักลงทุนรายย่อยจะทยอยสูญพันธุ์มากขึ้น








กำลังโหลดความคิดเห็น