xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 34.29 จับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 34.00-34.50 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.40 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (23 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 34.44 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 34.17-34.47 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ระดับ 2.4% และ 2.8% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนธันวาคม รวมถึงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาวจากรายงานเดียวกันนั้นออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดังกล่าว ได้หนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถทยอยรีบาวนด์สูงขึ้นราว +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่โซน 2,620-2,630 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการรีบาวนด์ขึ้นบ้างของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเช่นกัน

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลงหนักของราคาทองคำ หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยชัดเจน ทว่า เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากแรงซื้อบอนด์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ แรงขายเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้เล่นในตลาด รวมถึงการพลิกกลับมาย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์

สำหรับสัปดาห์นี้ควรระวังความผันผวนในช่วงปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในสัปดาห์สุดท้ายของปี อนึ่ง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจอาจมีไม่มากนัก ทว่าธีมหลักของตลาดยังคงเป็นการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทำให้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของอังกฤษ รวมถึงข้อมูลตลาดแรงงานและยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของญี่ปุ่นยังมีความน่าสนใจอยู่ ส่วนฝั่งไทย ประเด็นสำคัญจะอยู่ที่รายงานยอดการส่งออกและนำเข้า

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะหากเงินดอลลาร์สามารถทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในกรณีที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมานั้นไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจมีการทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ตามธีม US Exceptionalism ออกมาบ้าง (ในปีนี้เงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นกว่า +6%) นอกจากนี้ เรามองว่าราคาทองคำมีโอกาสรีบาวนด์ขึ้นต่อได้บ้าง แต่อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอจังหวะทยอยขายทำกำไรสถานะ Long ทองคำ ที่ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นในปีนี้ ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เราคาดว่า อาจเริ่มเห็นการทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้บ้าง หรืออย่างน้อยแรงขายสินทรัพย์ไทยควรจะลดลงจากช่วงสัปดาห์ก่อนๆ พอสมควร ลดแรงกดดันต่อเงินบาทได้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่าทิศทางเงินดอลลาร์มีแนวโน้มย่อตัวลงได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวใน Sideways โดยต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงจับตาการเคลื่อนไหวของบรรดาสกุลเงินหลัก อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เนื่องจากในสัปดาห์ที่จะถึงนี้จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่างข้อมูลตลาดแรงงาน และยอดค้าปลีก (Retail Sales) เป็นต้น ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวยังคงสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจญี่ปุ่น อาจช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินเยนญี่ปุ่นได้บ้าง นอกจากนี้ ในเชิงเทคนิคัล เงินเยนญี่ปุ่น (USDJPY) มีโอกาสย่อตัวลงบ้าง หรืออย่างน้อยแกว่งตัว Sideways เช่นเดียวกับฝั่งดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) เรามองว่า ในเชิงเทคนิคัล ดัชนีเงินดอลลาร์มีโอกาสย่อตัวลงบ้างตามสัญญาณ Bearish Divergence บน RSI, MACD Forest ใน Time Frame รายวัน รวมถึงโอกาสเกิดทั้ง Double Tops และ Bearish Engulfing ในกราฟแท่งเทียนรายวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น