เงินติดล้อเผยบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.438 บาท และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 6 มกราคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภาย 17 มกราคม 2568 และเลื่อนกระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) กับ "ติดล้อ โฮลดิ้งส์" เป็นภายในปี 2568 เพื่อเดินหน้าต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR เผยว่าคณะกรรมการบริษัท อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เป็นเงินสด อัตราหุ้นละ 0.438 บาท คิดเป็น 40% ของกำไรสุทธิ เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และนโยบายการจัดสรรเงินทุนของผู้ถือหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 6 มกราคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภาย 17 มกราคม 2568
“เนื่องจากที่ผ่านมาเรามีผลประกอบการที่ดีและกำไรสะสมในระดับสูง ประกอบกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องทางการเงินสูง รวมถึงมีความมั่นใจกับการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทจึงเห็นถึงความเหมาะสมของการจ่ายปันผลรอบพิเศษในครั้งนี้”
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังได้รับทราบความคืบหน้าของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัท โดยปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์พร้อมการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของติดล้อ โฮลดิ้งส์ แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบัน ติดล้อ โฮลดิ้งส์ และผู้ถือหุ้นของบริษัทยังอยู่ระหว่างการขออนุญาตและการเห็นชอบอื่นๆ เพื่อดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนกระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) เป็นภายในปี 2568
ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านนายหน้าประกันภัย (InsurTech Platform) เพื่อเดินหน้าต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงสามารถร่วมลงทุนกับหลักทรัพย์ TIDLOR ได้ตามปกติ
นายปิยะศักดิ์ มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถควบคุม NPL Ratio ให้ไม่เกิน 2% ตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบัน NPL Ratio ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอีกด้วย