พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น ลงนามคว้างานใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 273.67 ล้านบาท ทั้งสัญญางานจ้างเหมาปรับปรุงยกระดับสายส่งรองรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคูู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ กับ กฟผ. ก่อสร้างระบบ จําหน่าย 22kV Undergroundและ 3.สัญญาซื้อขาย TOU Meter กับ กฟน.ด้านซีอีโอมั่นใจรายได้ปีนี้โต 10% จากปีก่อนตามเป้า
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (PCC) ผู้ให้บริการโซลูชันนวัตกรรมด้านดิจิทัลกริดอัจฉริยะ (Smart Grid Digitalization) เปิดเผยว่า บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น ร้อยละ 99.96 ได้ลงนามคว้างานใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 273.67 ล้านบาท ดังนี้ 1.สัญญางานจ้างเหมาปรับปรุงยกระดับสายส่งรองรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคูู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ตามแผนหลัก จํานวน 8 จุด รวม 6 สายส่ง กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 มูลค่าสัญญารวม 56,745,786.15 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ) ทั้งนี้ มีกําหนดการส่งมอบภายใน 210 วันนับถัดจากวันที่ผู้ว่าจ้างกําหนดให้เริ่มดําเนินงาน
2.สัญญางานจัดหาและก่อสร้างระบบ จำหน่าย 22kV Underground และงานระบบ Low Voltage สําหรับจ่ายให้บ้านในโครงการ Reignwood กับบริษัท อาร์ดับบลิว กรีนแลนด์ จํากัด เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 มูลค่าสัญญารวม197,161,422.33 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
3.สัญญาซื้อขาย TOU Meter with RS232port, 50(150) A, 230/400 V 3 Phase 4 Wire จํานวน 3,300 เครื่อง ด้วยวิธีคัดเลือก กับการไฟฟ้านครหลวง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 มูลค่าสัญญารวม 19,773,600.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้ มีกําหนดการส่งมอบเป็น 2 งวดภายใน 180 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา
“เรามีความยินดีจะแจ้งให้ทราบว่า บริษัทได้รับงานใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ ซึ่งทำให้มูลค่างานในมือของบริษัทเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้และสร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคตอย่างยั่งยืน” นายกิตติ กล่าว
นายกิตติ กล่าวเพิ่มว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน สะท้อนจากผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 ของกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 4,307.95 ล้านบาทคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.49 เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้ 3,352.84 ล้านบาท พร้อมกันนี้ มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมไฟฟ้ายังมีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะสมาร์ทกริด (Smart Grid) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการระบบไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการบูรณาการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าได้อย่างเสถียร ซึ่ง Smart Grid จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายไฟฟ้า ลดการสูญเสียพลังงานในระบบ สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาไฟฟ้าขัดข้องได้เร็วขึ้น ซึ่งบริษัทมีความพร้อมจะพัฒนาธุรกิจและพลังงานให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มครอบคลุมอุตสาหกรรมสมาร์ทกริดของประเทศไทย